ด้วยความเชื่อและความศรัทธา ตะกรุด จึงเป็นเครื่องรางของขลังที่ผูกพันกับคติความเชื่อในสังคมไทยมาช้านาน เพื่อความเข้มขลัง ศักดิ์สิทธิ์ ดีในทางแคล้วคลาด คงกระพันชาตรี ป้องกันภยันตราย ภัยพิบัติทั้งปวง รวมทั้งด้านเมตตามหานิยม ค้าขาย โชคลาภ กลับดวง พลิกชะตา เลื่อนยศ ร้ายกลายเป็นดี ฯลฯ ตะกรุดได้ถูกสร้างโดยอ้างถึงพุทธคุณ ธรรมคุณ สังฆคุณ
โดย ตะกรุด นั้นทำมาจากวัสดุต่างๆ ตามตำราของครูบาอาจารย์แต่ละท่าน แต่ที่พบโดยทั่วไปจะเป็นการนำโลหะแผ่นบางๆ อาจจะเป็น ทองคำ เงิน นาก ตะกั่ว หรือโลหะผสมอื่นๆ มาลงอักขระเลขยันต์ด้วยเหล็กจารแสดงความหมายที่แตกต่างกันออกไป แล้วม้วนให้เป็นท่อกลมโดยมีช่องว่างตรงแกนกลางสำหรับร้อยเชือกติดตัว อาจนำมาหลอมรวมกันแล้วทำเป็นตะกรุดหล่อโบราณ ทำจากรางน้ำฝน ทำจากกาน้ำ ทำจากใบลาน ตัดเป็นแผ่นก่อนแช่น้ำแล้วนำมาม้วนเป็นท่อกลม ทำจากหนังสัตว์ เช่น หนังเสือ หนังหน้าผากเสือ หนังงู หนังเสือดาว หนังลูกวัวอ่อนตายในท้องแม่ หรือจากกระดูกสัตว์ ตะกรุดกระดูกช้าง ตะกรุดจากเขาวัวเผือก
หรือจากไม้มงคลต่างๆ เช่น ไม้ไผ่ ซึ่งมีทั้งไผ่ตันและไผ่รวก ไม้คูน ไม้ขนุน ตะกรุดส่วนใหญ่ที่เป็นโลหะ จะมีความเชื่อที่แตกแขนงออกไปอีก เช่น ถ้าเป็นตะกรุดที่ต้องการให้เกิดผลทางด้านเมตตา มักจะทำโดยใช้แผ่นทองหรือแผ่นเงิน ตะกรุดที่ต้องการให้เกิดผลทางคงกระพัน จะใช้แผ่นทองแดง ตะกรุดที่ต้องการให้เกิดผลทางด้านแคล้วคลาด มักจะใช้แผ่นตะกั่ว เป็นต้น
รูปแบบของตะกรุดก็มีพัฒนาการเรื่อยมาจากดอกใหญ่หนาสำหรับการออกศึกสงคราม ก็ค่อยๆ ลดขนาดลง บางทีก็จัดทำเป็นดอกเล็กๆ ในลักษณะเครื่องรางติดตัวหรือสามารถตอกฝังเข้าไปในร่างกายได้ ปัจจุบันก็มีรูปแบบใหม่ขึ้นมาโดยทำมาจากปลอกลูกปืน อาศัยนัยว่า แม่ไม่ฆ่าลูก แล้วอาจจะถักด้วยเชือก ด้ายมงคล พอกด้วยผงยาจินดามณี แล้วนำไปจุ่มหรือชุบรักปิดทองตามตำรา
ตะกรุดใช้บูชาอยู่ 3 แบบ คือ ใช้คล้องคอ ใช้คาดเอว และปัจจุบันนิยมนำมา ใช้คล้องแขน โดยดอกตะกรุดจะขนานกันไปในแนวนอน ตะกรุดหากเป็นดอกเดียว เรียกว่า ตะกรุดโทน หากเป็นสองดอกจะเป็น ตะกรุดแฝด หรือเป็นโลหะสามชนิดเรียกว่า ตะกรุดสามกษัตริย์ หาก 16 ดอกเรียกว่า ตะกรุดโสฬส ดังจะเห็นได้จากพระบรมรูปสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ในมหาวิทยาลัยนเรศวร จังหวัดพิษณุโลก คล้องไว้ด้วยตะกรุดดอกใหญ่ เรียงเป็นแนวยาวพาดพระอังสะ ในลักษณะการเฉียงลงถึงบั้นพระองค์ มีสายตะกรุด 16 ดอก คล้องเป็นแนวยาวทั้งด้านหน้าและด้านหลัง ซึ่งพระองค์ท่านสะพาย 2 เส้น
และในยุคปัจจุบัน ตะกรุดสายแฟชั่น กลับมานิยมกันอย่างแพร่หลายอีกครั้งในหมู่คนดังและเหล่าวัยรุ่น อาทิ เหล่าตะกรุดหลากสี , ตะกรุดมหาเสน่ห์ , ตะกรุดปลดหนี้ , ตะกรุดมหามนต์จนไม่เป็น , ตะกรุดแฝดพญาเทครัว ครูบาชัย , ตะกรุดมงคลจักรวาล หลวงปู่บุญยัง , ตะกรุดร้อยชู้ , ตะกรุดนะเศรษฐีเหนือดวง ฯลฯ เพราะเป็นเครื่องรางที่ผสมผสานกับความเป็นเครื่องประดับได้ด้วย จึงทำให้ไม่ดูเชยล้าสมัย สามารถนำมามิกซ์แอนด์แมทช์ในการแต่งกายได้ด้วย อีกทั้งยังเสริมดวงในด้านต่างๆ ตามพุทธคุณ การบูชานั้นก็ไม่ได้ยุ่งยาก ไม่ได้มีอันตรายใดๆ แต่ผู้บูชาก็ควรทำตัวให้เหมาะสมไม่ด่าครูอาจารย์ พ่อ แม่ ไม่ท้าทายลองของต่างๆ จะเป็นการดีต่อตัวผู้บูชา ซึ่งในเรื่องนี้ก็เป็นความเชื่อส่วนบุคคล
คาถาบูชาตะกรุดมหาเสน่ห์
(ตั้งนะโม 3 จบ แล้วว่า)
นะเมตตา โมกรุณา พุทปราณี ธายินดี ยะเอ็นดู สารพัดศัตรูวินาศสันติ
อิติปิโส สำเร็จสมปรารถนาด้วย นะโมพุทธายะ ฯลฯ