วันสงกรานต์ หรือ วันปีใหม่ไทย เวียนกลับมาอีกครั้งและปีนี้ สงกรานต์ก็เป็นวันที่คนไทยจะร่วมประเพณีที่สืบทอดกันมายาวนาน ไม่ว่าจะเป็นการรดน้ำดำหัวผู้ใหญ่ การเข้าวัดทำบุญ และที่ขาดไม่ได้เลยคือการ “สรงน้ำพระ” ถือเป็นการทำบุญเสริมดวงอีกวิธีหนึ่งที่คนไทยยืดถึงปฏิบัติสืบเนื่องกันมาจากรุ่นสู่รุ่น
แต่ยุคสมัยได้เปลี่ยนไปมาในปัจจุบันหลายคนคงหลงลืมไปว่า แท้จริงแล้วการทำบุญเสริมดวงเพิ่มสิริมงคลด้วยการสรงน้ำพระ ทำเพื่ออะไร มีอานิสงส์อย่างไร และต้องปฏิบัติยังไงเรามีเรื่องราวดีที่น่าสนใจและเป็นความรู้สำหรับการสรงน้ำพระในวันสงกรานต์มาฝากกันค่ะ
“การสรงน้ำพระในวันสงกรานต์ อานิสงส์จากการถวายเครื่องเถราภิเษก (สรงน้ำพระ) จะช่วยให้คนผู้นั้นพ้นจากทุกข์ภัยทั้งปวง”
ในวันสงกรานต์ สิ่งหนึ่งที่คนไทยอย่างเรานิยมทำกันนอกจากการละเล่นสาดน้ำ หรือ ทำบุญไหว้พระ รดน้ำดำหัวญาติผู้ใหญ่แล้วนั่นคือ “การสรงน้ำพระ” ซึ่งการสรงน้ำพระ ศาสนาพุทธ ใช้คำว่า ถวายเครื่องเถราภิเษก (สรงน้ำพระ) ถ้าตั้งใจสรงน้ำพระ มีจิตศรัทธาให้พระวรกายของพระพุทธเจ้าสะอาดปราศจากมลทินแล้ว ผลบุญนอกจะทำให้เราเป็นผู้มีความ สดชื่น เย็นกาย เย็นใจ ไม่มีเรื่องขุ่นข้องหมองใจแล้ว ยังมีอานิสงส์ทำให้ได้ไปสู่สวรรค์ ชั้นดุสิต เลยทีเดียว
เรื่องเล่าอานิสงส์ในสมัยพุทธกาล เล่าว่า…ในกาลครั้งนั้นองค์สมเด็จพุทธเจ้า เสด็จประทับอยู่ ณ เชตวันมหาวิหาร พร้อมภิกษุสงฆ์ 500 รูป พระเจ้าปัสเสนทิโกศล พร้อมด้วยมหาอำมาตย์ทั้งหลาย ได้นำ เครื่องสักการะทั้งหลาย เข้าไปสู่พระเชตะวันมหาวิหาร ถวายอภิวาท แด่องค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าแล้ว ประทับนั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง แล้วทูลถามว่า “ภนฺเตข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ อันบุคคลใดกระทำสักการะบูชาสรงเถราภิเษก (สรงน้ำพระ) แก่พระสงฆ์ด้วยใจเลื่อมใสศรัทธาจะได้ผลอานิสงส์เป็นอย่างไรพระเจ้าข้า”
องค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าจึงตรัสว่า “ดูกรมหาราช บุคคลใด มีความเชื่อในคุณพระรัตนตรัยทั้ง 3 ประการในเมื่อปรารถนาอันใด ก็จะสมความมุ่งมาตรปรารถนา ทุกประการ” การทำเถราภิเษก (สรงน้ำพระ) นี้ได้ทำกัน สืบมาในครั้งพุทธเจ้าก่อนๆ
แล้วพระองค์ทรงแสดงสืบต่อไปว่า ในกาลครั้งนั้นเป็นสมัยครั้งศาสนาของพุทธเจ้าเมธังกร ยังมีพระยาพระองค์หนึ่ง ทรงพระนามว่า “วิชัยยะ” ได้เสวยสมบัติ ในเมืองสารนครประกอบไปด้วยทศพิธราชธรรม 10 ประการ มีเถระองค์หนึ่งชื่อว่า “อุสสา” เป็นอันเตวาสิกแห่ง “พุทธเจ้าเมธังกร พระยาวิชัยยะ” ได้ทอดพระเนตรเห็น พระมหาเถระเข้ามาในเมือง พระยาวิชัยยะก็มีใจศรัทธาเลื่อมใส ในอิริยาบถ ของพระมหาเถระเจ้าเสร็จไปต้อนรับนิมนต์ให้ไปสู่ปราสาทของพระองค์
แล้วก็จัดแจง สรงเถราภิเษกด้วยน้ำหอม เสร็จแล้วถวายภัตตาหาร ตั้งความปรารถนาว่า “ปวงชนทั้งหลายที่อยู่ใน ขอบเขตขัณฑเสมา ขอจงตั้งอยู่ใน โอวาทคำสอน ของพระองค์ ทุกเมื่อ และขอให้ข้าพระองค์ได้พ้นจากทุกข์ภัยเวร ข้าศึกศัตรูทั้งหลายด้วยบุญกุศลที่ข้าพเจ้าได้กระทำไว้ในอนาคตกาลโน้นเทอญ”
พระมหาเถระเจ้า ก็ได้อนุโมทนา แห่งพระยาวิชัยยะ แล้วถวายพระพรทิพย์ 10 ประการ ลากลับไปสู่ สำนักแห่งพระมหาเถระเจ้า พระยาวิชัยยะได้รับพร แห่งพระมหาเถระ แล้วมีจิตยินดีรื่นเริงบันเทิงใจ ต่อบุญกุศลของพระองค์ที่ทรงกระทำไว้ ครั้นจุติจากโลกแล้วก็ไปอุบัติ อยู่บนสวรรค์ชั้นดุสิตพิภพ มีวิมานทองสูง 22 โยชน์ มีนางเทพอัปสรแสนหนึ่งเป็นบริวาร ครั้นสิ้นชีพ เทวบุตรแล้ว ได้ไปเกิดเป็นเจ้าพระสิริตะ เสริมสร้างบารมีให้แก่กล้าขึ้นไป ได้มาเกิดเป็น องค์พระตถาคต จนเดี๋ยวนี้แล
อานิสงส์ การสรงน้ำพระ มีดังต่อไปนี้
1. เป็นการบูชาบุคคลที่ควรบูชา คือพระพุทธเจ้าด้วยของหอม คือ น้ำสะอาดและดอกไม้ การบูชา คือ เกิดจากการที่เรามองเห็นความดีของผู้อื่นครับ เช่น มองเห็นว่าพระพุทธเจ้ามีดีอย่างไรพอเห็นความดีแล้วเราจึงได้มาบูชาความดีของพระพุทธเจ้า ก็เป็นกุศโลบายในการสอนพุทธประวัติได้ อีกอย่างเป็นการสะท้อนใจของผู้มาสรงน้ำว่า เป็นผู้มีใจกว้าง มองเห็นความดีของผู้อื่น จะทำให้เป็นคนที่รู้จักจับถูกไม่ใช่จับผิดผู้อื่น
2. เป็นการแสดงความเคารพและอ้อมน้อมถ่อมต้น ถือว่าป็นการสร้างเสน่ห์ในตัว ใครมีมากคนนั้นมีเสน่ห์มาก เป็นการแสดงความเคารพจากใจไม่ใช่ว่าทำตามๆ กันไป
3. เป็นประกาศให้ชาวต่างชาติได้เห็นว่า คนพุทธก็มีประเพณีวัฒนธรรมที่เป็นแบบแผนดีงามมาช้านาน
หวังว่าสงกรานต์ปีใหม่ไทยในปีนี้ ชาวไทยจะได้เข้าวัดทำบุญตามขนมธรรมเนียมประเพณีกันให้อิ่มบุญสุขใจกันถ้วนหน้านะคะ