ครีมหน้าขาว อันตรายที่สาว ๆ ต้องระวัง ถ้าไม่อยากหน้าพัง ยิ่งเป็นครีมเถื่อนที่ผสมสารต้องห้าม ก็จะส่งผลร้ายต่อร่างกายกว่าที่คิด มาดูอันตรายจากครีมหน้าขาว พร้อมวิธีสังเกตครีมอันตรายกัน
ในยุคที่กระแสความนิยมของการมีผิวขาวเพิ่มขึ้น ครีมหน้าขาวจัดเป็นสินค้ายอดฮิตที่มีวางขายตามท้องตลาดมากมาย อีกทั้งสาว ๆ ก็พร้อมจะลองใช้ เพราะในรีวิวมักเห็นผลไว หน้าขาวใสขึ้นจริง อย่างไรก็ตาม ภายในระยะเวลาไม่นาน ความขาวใสนี้จะถูกแทนที่ด้วยอาการข้างเคียง ทั้งรอยแดง รอยไหม้ดำ ผื่นแพ้ หน้าบาง หน้าลอก ซึ่งบางรายอาจต้องใช้เวลารักษานาน หรือบางรายอาจเป็นถาวรเลยก็ได้ เหมือนกับสาวรายนี้ (สาวเตือนภัย ใช้ครีมเถื่อนหวังสวยใส ผลที่ได้คือหน้าแหกยับ ผิวพังพินาศ) ทั้งนี้นอกจากจะหน้าพังแล้ว ยังส่งผลกระทบต่อหลายระบบของร่างกาย ไปจนถึงทารกในครรภ์ได้อีกด้วยนะ !
เมื่อรู้อย่างนี้แล้ว อย่าปล่อยให้ตัวเองเป็นเหยื่อ มารู้เท่าทันอันตรายจากครีมหน้าขาว พร้อมเช็กวิธีสังเกตครีมอันตราย เพื่อที่จะเลือกซื้อครีมทาหน้าได้อย่างปลอดภัยกันดีกว่า
อันตรายจากครีมหน้าขาว ครีมเถื่อน สารปรอทเพียบ !
จากการศึกษาของสถาบันโรคผิวหนัง กรมการแพทย์ ซึ่งตรวจสารอันตรายในเครื่องสำอางจากที่ผู้ป่วยส่งตรวจ และจากที่ได้จากการซื้อขายผ่านตลาดนัดและตลาดออนไลน์ ระหว่างปี 2561-2562 จำนวน 420 ตัวอย่าง พบว่าผลิตภัณฑ์ส่วนใหญ่ที่เรียกว่า “ครีมหน้าขาว” มีสารอันตรายถึงร้อยละ 25 นั่นคือในครีมหน้าขาวทุก ๆ 4 ตลับจะพบสารอันตราย 1 ตลับเลยทีเดียว โดยสารปรอทเป็นสารอันตรายที่พบบ่อยที่สุด รองลงมาคือสารไฮโดรควิโนน และกรดวิตามินเอ
สารอันตรายข้างต้นมีกลไกที่ช่วยให้ผิวขาวได้ แต่ก็ก่อให้เกิดผลข้างเคียงต่าง ๆ ดังนี้
1. สารปรอท
สารปรอทในครีมหน้าขาว มีกลไกยับยั้งการทำงานของเอนไซม์ไทโรซิเนส ทำให้มีการสร้างเม็ดสีเมลานิน ลดลง จึงช่วยให้ผิวขาวขึ้น นอกจากนี้ปรอทยังมีฤทธิ์ฆ่าเชื้อแบคทีเรียบางชนิด จึงป้องกันสิวได้ด้วย
ผลข้างเคียงจากการใช้
พิษต่อผิวหนัง : แม้ว่าสารปรอทจะมีผลทำให้เม็ดสีลดลง แต่พบว่าอาจทำให้เกิดอาการแพ้ ผื่นแดง ผิวหน้าดำ หากใช้ในระยะยาวจะทำให้ผิวบางลง เกิดจุดดำที่ผิวเพิ่มขึ้น เกิดฝ้าถาวร หรือในบางจุดจะทำให้เกิดผิวด่างถาวร
พิษต่อระบบประสาท : ทำให้มีอาการสั่น ปลายประสาทอักเสบ การทรงตัวผิดปกติ ชักกระตุก ซึมเศร้าหรือเกิดประสาทหลอนได้
พิษต่อตับและไต : ทำให้เกิดภาวะตับอักเสบ และไตอักเสบได้ในระยะยาว
พิษต่อระบบเลือด : ทำให้เกิดภาวะโลหิตจาง
พิษต่อลูกน้อยในครรภ์ : หากใช้ระหว่างตั้งครรภ์ สารปรอทจะดูดซึมสู่ทารก และมีความเสี่ยงที่จะทำให้ทารกสมองพิการและปัญญาอ่อนได้
2. ไฮโดรควิโนน (Hydroquinone)
สารไฮโดรควิโนนออกฤทธิ์โดยการยับยั้งกระบวนการทางเคมีของเซลล์สร้างเม็ดสี เมื่อปริมาณเม็ดสีลดลง จึงส่งผลให้ผิวขาวขึ้นได้ จากกลไกนี้ทำให้ยาไฮโดรควิโนนถูกนำมาใช้เป็นยาทารักษาผิวที่เป็นฝ้า กระ และจุดด่างดำ ซึ่งอย. กำหนดให้ผสมสารไฮโดรควิโนนในการรักษาฝ้าได้ไม่เกิน 2%
ผลข้างเคียงจากการใช้เกินขนาด
พิษต่อผิวหนัง : มีอาการแสบร้อน ตุ่มแดง และภาวะผิวคล้ำมากขึ้นในบริเวณที่ทา หากใช้อย่างต่อเนื่องเป็นเวลานานอาจทำให้เกิดเป็นฝ้าถาวรสีน้ำเงินอมดำได้ และเพิ่มโอกาสเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งผิวหนัง
พิษต่อระบบประสาท : ตัวยาจะดูดซึมเข้าสู่กระแสเลือดและสามารถกระตุ้นให้ร่างกายมีอาการสั่น หรือเกิดภาวะลมชัก หรือกระตุ้นให้เกิดอาการแพ้ยาได้
3. กรดวิตามินเอ (Retinoic acid)
กรดชนิดนี้มีผลรบกวนกระบวนการสร้างเม็ดสี กระตุ้นการแบ่งเซลล์ และเร่งการผลัดเซลล์ของผิวในชั้นเยื่อบุผิว ทั้งยังยั้บยั้งการทำงานของเอนไซม์ไทโรซิเนสที่ใช้สร้างเม็ดสีอีกด้วย นอกจากนี้ยังป้องกันการสร้างสิวอุดตัน ซึ่งเป็นสาเหตุของการเกิดสิว
ผลข้างเคียงจากการใช้
พิษต่อผิวหนัง : ทำให้เกิดอาการระคายเคืองผิวหนัง ผิวหน้าลอก อักเสบ แพ้แสงแดดได้ง่าย อาจเกิดภาวะผิวด่างขาวหรือผิวคล้ำได้ชั่วคราว และอาจเป็นอันตรายต่อทารกในครรภ์
4. สเตียรอยด์ (Steroid)
มีฤทธิ์ยับยั้งการสร้างเม็ดสี ทำให้ผิวขาวขึ้น สเตียรอยด์เป็นสารที่ห้ามใส่ในเครื่องสำอาง มักใช้เป็นสูตรผสมกับยาตัวอื่น เช่น ไฮโดรควิโนน หรือ เรตินอยด์ในการรักษาฝ้า กระ และจุดด่างดำ ซึ่งสเตียรอยด์จะช่วยเสริมฤทธิ์และลดอาการข้างเคียงของไฮโดรควิโนน และเรตินอยด์ได้ดี
ผลข้างเคียงจากการใช้
การใช้ยาทาเสตียรอยด์ในความเข้มข้นสูง หากใช้ผิดวิธีและใช้เป็นระยะเวลานานต่อเนื่องอาจก่อให้เกิดผลข้างเคียง เช่น ผดผื่นขึ้นง่าย ผิวหน้าบาง มลภาวะสารพิษจากภายนอกเข้าสู่ผิวหนังชั้นแท้ได้ง่ายขึ้น และเห็นเส้นเลือดแดงตามใบหน้าชัดขึ้น
วิธีสังเกตครีมอันตราย
1. สังเกตฉลากเป็นลำดับแรก
ฉลากที่ถูกต้องจะเป็นภาษาไทยมีข้อความบังคับครบถ้วน ได้แก่ ชื่อและประเภทผลิตภัณฑ์ ส่วนประกอบ วิธีใช้ ชื่อที่ตั้งแหล่งผลิต วันเดือนปีที่ผลิต และปริมาณสุทธิ ถ้าครีมหน้าขาวตัวไหนไม่มีรายละเอียดเหล่านี้ก็ควรหลักเลี่ยงเป็นดีที่สุด
2. เห็นผลไว แต่ราคาถูก
หากเป็นของถูกและได้ผลทำให้หน้าขาวเร็ว ต้องเดาเอาไว้ก่อนว่าเป็นครีมอันตราย เพราะครีมผิวขาวหลาย ๆ ยี่ห้อได้นำเอาส่วนผสมจากสารเคมีและเนื้อครีมที่ดีไปผสมกับสารปรอท ไฮโดรควิโนน และสเตียรอยด์ เพื่อลดต้นทุนการผลิต เพราะส่วนผสม Whitening ที่มีคุณภาพอย่าง Alpha-arbutin มีราคาสูงมาก ทำให้ต้นทุนแพง
3. ลักษณะครีมเปลี่ยนแปลงไปหลังการเปิดใช้
ครีมกวนมือที่ผู้ผลิตจะซื้อครีมจากแหล่งต่าง ๆ แล้วนำมาผสมเอง โดยไม่ได้ควบคุมคุณภาพ สิ่งที่มักจะสังเกตเห็นได้ชัดคือเมื่อทิ้งไว้นานสัก 1 เดือน ครีมจะเปลี่ยนเป็นสีเทา มีลักษณะแยกน้ำแยกเนื้อ และบรรจุภัณฑ์ก็สีเปลี่ยนหรือผุกร่อนง่าย
4. คนขายให้ข้อมูลได้ไม่ละเอียด
ลองถามคนขายด้วยคำถาม เช่น ใช้เองไหม ผลิตที่ไหน เก็บได้นานเท่าไร แล้วมาพิจารณาดูว่าน่าเชื่อถือ มีความโปร่งใส พร้อมให้ตรวจสอบหรือไม่ ที่สำคัญคือถ้าครีมหน้าขาวอันตราย คนขายก็จะไม่กล้าใช้ครีมนั้น ทำให้ตอบคำถามบางอย่างไม่ได้
5. ทดสอบครีมบนแขน
ทาครีมลงบนท้องแขน จากนั้นนำพลาสเตอร์มาปิดทับครีม แล้วเอาพลาสเตอร์อีกชิ้นแปะลงบนผิวในบริเวณใกล้เคียงกัน รอเวลาประมาณ 5 ชั่วโมง ลอกเอาพลาสเตอร์ออก สังเกตดูว่า หากตรงบริเวณที่ทาครีม ขาวซีดผิดปกติกว่าอีกอัน แสดงว่ามีการแอบใส่ส่วนผสมของปรอทลงไป
6. ใช้แล้วผิวไวต่อแสง
หากใช้ผลิตภัณฑ์แล้วเกิดอาการผิวหนังไวต่อแสง ผิวบาง เจอแดดร้อน ๆ จะรู้สึกแสบบริเวณผิวหนัง เกิดผื่นแดง เกิดฝ้า มีอาการหัวใจเต้นเร็วผิดปกติ มีอาการวิงเวียงหน้ามืดบ่อยทั้งที่พักผ่อนเต็มที่ ก็ควรรีบตรวจเช็กและพบแพทย์โดยเร็ว
หากสาวคนไหนไม่มั่นใจว่าครีมหน้าขาวที่ซื้อมาจะปลอดภัยหรือไม่ ก็สามารถส่งผลิตภัณฑ์ไปตรวจสอบสารอันตรายเบื้องต้นได้ที่ สถาบันโรคผิวหนัง (โครงการตรวจสารอันตรายในเครื่องสำอาง) 420/7 ถนนราชวิถี เขตราชเทวี กรุงเทพมหานคร 10400 โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย หรือเข้าไปสืบค้นรายชื่อครีมหน้าขาว ครีมเถื่อน เครื่องสำอางที่ผิดกฎหมายได้ที่ www.fda.moph.go.th
เช็กให้แน่ใจก่อนใช้ครีมหน้าขาว เท่านี้สาว ๆ ก็ไม่ต้องเสี่ยงหน้าพัง พร้อมทั้งป้องกันตัวเองจากอันตรายของครีมเถื่อนเหล่านี้ได้แล้ว