เข้าสู่เดือนสุดท้ายของปี 2563 เตรียมทิ้งทวนส่งท้ายปีเก่าไปกับ Netflix ที่ขนหนัง-ซีรีส์ รายการต่างๆ คัดแบบเน้นๆ ส่งตรงความบันเทิงถึงคนดู มาดูกันดีกว่าว่าดือนธันวาคมนี้ มีอะไรเข้าใหม่ให้เราเลือกดูใน Netflix กันบ้าง?
Recommended Series: เนื้อหาซีรีส์แนะนำ
Tiny Pretty Things (สวยซ่อนร้าย ใสซ่อนปม)
กำหนดออกอากาศ: 14 ธันวาคม
สร้างจากหนังสือของโซนา ชาไรโพตรา และ ดอนเนียล เคลย์ตัน เรื่องราวที่เกิดขึ้นในสถาบันบัลเลต์ชื่อดังแห่งหนึ่งของโลก โดยติดตามความสำเร็จและความผิดหวังของบรรดาหนุ่มสาวที่จากบ้านมายืนอยู่ตรงกลางระหว่างความยิ่งใหญ่และความล้มเหลว ในฐานะโรงเรียนสอนเต้นชั้นนำเพียงแห่งเดียวในชิคาโก โรงเรียนบัลเลต์อาร์เชอร์ฝึกฝนนักบัลเลต์ให้กับคณะบัลเลต์อาชีพชื่อดังของเมือง คือซิตี้เวิร์กส์บัลเลต์ โรงเรียนบัลเลต์อาร์เชอร์เป็นแหล่งรวมนักเต้นที่หลากหลายทั้งรวยและจน มาจากภาคเหนือและภาคใต้ และจากพื้นเพที่แตกต่างกัน แต่สิ่งหนึ่งที่ทุกคนมีเหมือนกันคือความสามารถที่หาตัวจับยากและความหลงใหลในการเต้น ความรักภักดีต่อชุมชนของตัวเอง และความใฝ่ฝันแบบทุ่มสุดตัวไม่มีแผนสอง
Bridgerton (บริดเจอร์ตัน: วังวนรัก เกมไฮโซ)
กำหนดออกอากาศ: 25 ธันวาคม
เรื่องราวชีวิตของดาฟนี่ บริดเจอร์ตัน (ฟีบี้ ดิเนวาร์) ลูกสาวคนโตของตระกูล บริดเจอร์ตัน อันทรงอิทธิพล เมื่อเธอเป็นสาวเดบูตองต์ที่ก้าวเข้าสู่ตลาดหาคู่อันดุเดือดของลอนดอนยุครีเจนซี่ ดาฟนี่หวังว่าจะเจริญรอยตามพ่อแม่และพบคู่ที่เกิดจากรักแท้ ชายหนุ่มที่เข้ามาในช่วงแรกดูเหมือนจะผ่านฉลุย แต่หลังจากพี่ชายคนโตเริ่มกีดกันชายที่มีแววจะเป็นคู่ของเธอได้ คอลัมน์ซุบซิบสังคมชั้นสูงที่เลดี้ วิสเซิลดาวน์ ปริศนาเป็นผู้เขียนก็เริ่มป้ายสีดาฟนี่ ชายหนุ่มคนหนึ่งคือดยุกแห่งเฮสติ้งส์ (เรเก้-จอน เพจ) หนุ่มโสดเนื้อหอมจอมขบถที่บรรดาแม่ๆ ของสาวเดบูตองต์ใฝ่ฝันอยากได้เป็นลูกเขยในฤดูกาลนี้ แม้ทั้งคู่จะออกปากว่าไม่ต้องการอะไรจากกัน แต่เห็นได้ชัดว่าเริ่มมีใจให้กันหลังจากต้องชิงไหวชิงพริบกันมากขึ้นเรื่อยๆ ท่ามกลางความคาดหวังที่วงสังคมมีต่ออนาคตของทั้งคู่
Bridgerton เป็นซีรีส์รักโรแมนติกชิงไหวชิงพริบท่ามกลางเรื่องอื้อฉาวที่เน้นชูค่านิยมในสังคมที่ยังไม่เสื่อมคลาย ทั้งเรื่องราวมิตรภาพอันยาวนาน ครอบครัวที่ต้องค้นหาเส้นทางของตัวเอง และการค้นหารักที่จะพิชิตทุกสิ่ง นำแสดงโดย โกลด้า โรชูเวล, โจนาธาน เบลีย์, ลุค นิวตัน, คอลเดีย เจสซี่, นิโคลา คอฟแลน, รูบี้ บาร์เกอร์, ลุค ทอมป์สัน, ซาบริน่า บาร์ทเล็ตต์, รูธ เจมเมล, แอดโจ แอนโดห์, พอลลี่ วอล์คเกอร์, เบสซี่ คาร์เตอร์ และแฮร์เรียต เคนส์ ซีรีส์เรื่องนี้ได้แรงบันดาลใจมาจากนวนิยาย ขายดี ของจูเลีย ควินน์
Chilling Adventures of Sabrina: Part 4 (ซาบริน่า สาวน้อยต้องสาป ภาค 4)
กำหนดออกอากาศ: 31 ธันวาคม
เตรียมพบกับการกลับมาอีกครั้งของซีรีส์สยองขวัญสุดฮิต ซาบริน่า สาวน้อยต้องสาป ที่ได้รับความนิยมและมีภาคต่อมาจนถึงภาคสุดท้าย ภาค 4 ร่วมลุ้นและติดตามเรื่องราวบทสรุปของการผจญภัย ความลึกลับชวนขนลุกแต่แฝงไปด้วยความสนุก ตื่นเต้นและเวทมนตร์สุดมหัศจรรย์ของซาบริน่า สเปลแมน สาวน้อยครึ่งมนุษย์ครึ่งแม่มด โดยในภาคสุดท้ายนี้จะมีจำนวนตอนทั้งหมด 8 ตอนด้วยกัน
ซาบริน่า สาวน้อยต้องสาป เป็นซีรีส์ที่ดัดแปลงมาจากซีรีส์คอมิกชุด Sabrina the Teenage Witch ของค่าย Archie Comics ผลงานการกำกับของ โรแบร์โต อากีเร-ซาคาซ่า (Roberto Aguirre-Sacasa) ผู้อำนวยการสร้างซีรีส์เรื่อง Riverdale ที่ประสบความสำเร็จอย่างสูง นำแสดงโดย เคียร์แนน ชิพกา, รอส ลินช์, มิแรนด้า ออตโต้, ลูซี เดวิส และ แชนส์ เพอร์โดโม
Film Collection: เนื้อหาภาพยนตร์แนะนำ
A Star Is Born (อะ สตาร์ อีส บอร์น)
กำหนดออกอากาศ: 1 ธันวาคม
อิ่มเอมใจไปกับภาพยนตร์มิวสิคัล แนวโรแมนติกดราม่า การันตีคุณภาพจากการเข้าชิงรางวัลออสการ์ถึง 8 สาขา อาทิ ภาพยนตร์ยอดเยี่ยม, นักแสดงนำชายและหญิงยอดเยี่ยม, บทภาพยนตร์ดัดแปลงยอดเยี่ยม และสามารถคว้ารางวัลเพลงประกอบภาพยนตร์ยอดเยี่ยมจากเพลง “Shallow” อีกด้วย ภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นผลงานการกำกับครั้งแรกของแบรดลีย์ คูเปอร์ และการแสดงภาพยนตร์เรื่องแรกของราชินีเพลงป๊อป เลดี้ กาก้า
A Star Is Born ว่าด้วยเรื่องราวโศกนาฏกรรมความรักของคู่รักนักดนตรี แจ็คสัน เมน (รับบทโดย แบรดลีย์ คูเปอร์) ซุปเปอร์สตาร์คันทรีร็อกชื่อดังที่บังเอิญไปพบเจอและตกหลุมรักกับ แอลลี่ (รับบทโดย เลดี้ กาก้า) พนักงานเสิร์ฟอาหารและศิลปินสาวที่เพิ่งจะยอมแพ้ให้กับความฝันในการเป็นนักร้องของตัวเอง จนกระทั่งแจ็คสันเกลี้ยกล่อมและสร้างความเชื่อมั่นให้เธอได้ก้าวเข้าสู่แสงสปอตไลท์ แม้หน้าที่การงานของแอลลี่จะไปได้สวย แต่ความสัมพันธ์กับคนรอบตัวของเธอกลับพังลง เช่นเดียวกับแจ็คที่ต้องต่อสู้กับปีศาจภายในจิตใจของตัวเอง รวมทั้งต้องรับมือกับการเสพติดแอลกอฮอล์ ยาเสพติด และอาการซึมเศร้าอีกด้วย
MANK (แมงค์)
กำหนดออกอากาศ: 4 ธันวาคม
ภาพยนตร์ชีวประวัติขาวดำ เกี่ยวกับการสร้างภาพยนตร์ฮอลลีวูดในช่วงทศวรรษที่ 1930s เรื่อง ‘Citizen Kane’ ของ Orson Welles อันเป็นภาพยนตร์ที่มีชื่อเสียงในยุคนั้น โดยจะได้รับการบอกเล่าผ่านสายตาของนักเขียนบทภาพยนตร์ผู้มีไหวพริบและมีแอลกอฮอล์หล่อเลี้ยงในเส้นเลือด อย่าง Herman J. Mankiewicz หรือ Mank ซึ่งจะรับบทโดยนักแสดงมากฝีมือ Gary Oldman
MANK เป็นผลงานกำกับของ David Fincher เรื่องล่าสุด ซึ่งได้รับการยกย่องว่าเป็น “ผลงานชิ้นเอก” จากเหล่านักวิจารณ์และสื่อมวลชน และเป็นอีกผลงานที่น่าจับตามองสำหรับเวทีรางวัลต่างๆ ที่จะมาถึง นำแสดงโดย Amanda Seyfried, Lily Collins, Tom Burke และ Charles Dance
The Prom
กำหนดออกอากาศ: 11 ธันวาคม
ดีดี้ อัลเลน (เมอริล สตรีพ นักแสดงรางวัลออสการ์ 3 สมัย) และแบร์รี่ กลิคแมน ( เจมส์ คอร์เดน นักแสดงรางวัลโทนี่) เป็นดาราละครเวทีจากนิวยอร์กที่ต้องเจอวิกฤติในชีวิต นั่นคือละครบรอดเวย์ฟอร์มยักษ์ล้มเหลวไม่เป็นท่าซึ่งกลายเป็นหายนะในอาชีพการงาน ในขณะเดียวกัน เอ็มม่า โนแลน (โจ เอลเลน เพลแมน) นักเรียนมัธยมปลายจากเมืองเล็กๆ อย่างอินเดียน่ากำลังเจอเรื่องปวดใจอีกแบบหนึ่ง นั่นคือแม้ครูใหญ่ของโรงเรียน (คีแกน-ไมเคิล คีย์) จะให้การสนับสนุน แต่ประธานสมาคมครูและผู้ปกครอง (เคอร์รี วอชิงตัน) กลับห้ามไม่ให้เธอเข้าร่วมงานพรอมกับอลิสซ่า แฟนสาว (อาริอานา เดโบซ) เมื่อดีดี้และแบร์รี่ลงความเห็นว่าสถานการณ์กลืนไม่เข้าคายไม่ออกของเอ็มม่าเป็นหนทางที่จะช่วยกอบกู้ภาพลักษณ์ของทั้งคู่ได้ จึงออกเดินทางไปกับแองจี้ (นิโคล คิดแมน นักแสดงรางวัลออสการ์) และเทรนท์ (แอนดรูว์ แรนเนลส์) คู่รักนักแสดงที่ชอบดูถูกคนและกำลังหาทางเติบโตในสายอาชีพ แต่เมื่อแผนการเคลื่อนไหวของเหล่าคนดังที่เห็นตัวเองเป็นใหญ่เกิดผิดแผนแบบไม่ทันตั้งตัว ชีวิตของทั้งสี่จึงพลิกผันขณะเดินทางไปช่วยให้เอ็มม่าได้ใช้เวลาคืนนั้นในแบบที่ตัวเองเป็น
The Prom เป็นภาพยนตร์ดัดแปลงอันตระการตาจากละครเพลงบรอดเวย์ของแชด บีกีลิน, บ็อบ มาร์ติน และแมททิว สคลาร์ที่ได้รับรางวัลมากมายและได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลเอมมี่ กำกับการแสดงโดยไรอัน เมอร์ฟี่
Ma Rainey’s Black Bottom (มา เรนีย์ ตำนานเพลงบลูส์)
กำหนดออกอากาศ: 18 ธันวาคม
ผลงานเรื่องสุดท้ายในชีวิตของ แชดวิก โบสแมน เรื่องราวความตึงเครียดก่อตัวกลางเมืองชิคาโกยุค 1920 ในขณะบันทึกเสียงช่วงบ่าย เมื่อวงดนตรีวงหนึ่งรอคอยมา เรนนีย์ “เจ้าแม่เพลงบลูส์” ผู้บุกเบิก (ไวโอลา เดวิส นักแสดงรางวัลออสการ์) มาสุดซ่าและไม่เกรงกลัวใครกำลังทะเลาะกับผู้จัดการและโปรดิวเซอร์ซึ่งเป็นคนผิวขาวในเรื่องอำนาจในการทำเพลงของเธอ ทั้งวงกำลังรอเธออยู่ในห้องซ้อมเล็กๆ ที่สตูดิโอ เลวี่ (แชดวิก โบสแมน) นักเป่าทรัมเป็ตผู้ทะเยอทะยานซึ่งกำลังปิ๊งเพื่อนสาวของมาและอยากมีที่ทางของตัวเองในวงการเพลง ก็เกลี้ยกล่อมให้เพื่อนนักดนตรีออกมาเล่าเรื่องราวและความจริงที่จะเปลี่ยนชีวิตของทุกคนไปตลอดกาล
Ma Rainey’s Black Bottom ดัดแปลงมาจากละครเวทีของออกัสต์ วิลสัน ผู้เขียนบทละครเวทีที่คว้ารางวัลพูลิตเซอร์ 2 สมัย โดยเชิดชูพลังของเพลงบลูส์ในการเปลี่ยนแปลงโลก รวมทั้งศิลปินที่ไม่ยอมให้อคติและค่านิยมของสังคมเป็นตัวกำหนดคุณค่าของตัวเอง ภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นผลงานการกำกับของจอร์จ ซี. วูล์ฟ ดัดแปลงบทภาพยนตร์โดยรูเบน ซานติอาโก-ฮัดสัน สร้างโดยเดนเซล วอชิงตันและท็อดด์ แบล็ค ผู้เข้าชิงรางวัลออสการ์ ร่วมแสดงโดยโคลแมน โดมิงโก, กลินน์ เทอร์แมน, ไมเคิล พ็อตส์, เทย์เลอร์, เพจ ดูซาน บราวน์ และทำดนตรีประกอบโดยศิลปินเจ้าของรางวัลแกรมมี่ แบรนฟอร์ด มาร์ซาลิส
The Midnight Sky (สัญญาณสงัด)
กำหนดออกอากาศ: 23 ธันวาคม
เรื่องราวหลังจากหายนะลึกลับที่ทำลายล้างโลกและเผ่าพันธุ์มนุษย์ นักวิทยาศาสตร์ประจำสถานีอาร์กติก (จอร์จ คลูนีย์) พยายามที่จะเตือนนักบินอวกาศที่ปฏิบัติภารกิจอยู่ในห้วงอวกาศ (เฟลิซิตี โจนส์) และลูกเรือของเธอ ถึงอันตรายในการย้อนกลับมายังโลก ในช่วงเวลาที่กำลังเผชิญหน้ากับการสูญสิ้นของเผ่าพันธุ์ ความเป็นมนุษย์ได้กระตุ้นให้พวกเขาติดต่อกัน แม้จะอยู่ห่างไกลกันหลายปีแสง เพื่อเชื่อมโยงผู้รอดชีวิตของมนุษยชาติไว้ด้วยกัน
ผลงานกำกับและนำแสดงโดย จอร์จ คลูนีย์ (George Clooney) เฟลิซิตี โจนส์ (Felicity Jones) นักแสดงสาวผู้ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์จากเรื่อง The Theory of Everything, เดวิด โอเยโลโว (David Oyelowo) ผู้เข้าชิงรางวัลลูกโลกทองคำ จากเรื่อง Selma, ไคล์ แชนด์เลอร์ (Kyle Chandler) เจ้าของรางวัลเอมมี่ อวอร์ด จากเรื่อง Friday Night Lights และ เดเมียน บิเชอร์ (Demián Bichir) ผู้ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์จากเรื่อง A Better Life ร่วมด้วย ทิฟฟานี บูน (Tiffany Boone)
Documentaries & Reality: เนื้อหาสารคดีและเรียลลิตี้แนะนำ
Best Leftovers Ever! (ปรุงใหม่ให้ล้ำ)
กำหนดออกอากาศ: 30 ธันวาคม
เรียลลิตี้การแข่งขันทำอาหารที่มาในรูปแบบของการทำอาหารจากของเหลือ ในแต่ละตอนจะมีผู้แข่งขันทั้งหมดสามคน มาแข่งกันทำอาหารสองรอบ โดยใช้อาหารเหลือจากเมื่อคืนมาสร้างสรรค์เป็นเมนูใหม่ เพื่อตัดสินว่าใครจะเป็นผู้ชนะ รอบแรกจะเป็นการทดสอบทักษะการจัดการอาหารเหลือในชีวิตประจำวัน เปลี่ยนเป็นเมนูใหม่แสนอร่อย เช่น เปลี่ยนอาหารเพื่อสุขภาพที่กินไม่หมด ปรุงใหม่เป็นอาหารกินง่ายสบายใจ ส่วนรอบสองโจทย์จะเป็นการใช้อาหารเหลือจากในตู้เย็น เปลี่ยนเป็นมื้อค่ำสุดหรู เช่น เปลี่ยนฟาสต์ฟู้ดที่กินเหลือแล้วแช่ไว้ในตู้เย็น แปลงโฉมเป็นเมนูหรูสุดอร่อย กรรมการจะรวบรวมคะแนนจากการแข่งขันทั้งสองรอบ เพื่อหาผู้ชนะการทำอาหารจากของเหลือเพียงหนึ่งเดียว
Thai Flavours: เนื้อหาแนะนำจากประเทศไทย
Malila: The Farewell Flower (มะลิลา)
กำหนดออกอากาศ: 1 ธันวาคม
ภาพยนตร์ที่บอกเล่าถึงความรักความอาลัยของผู้ที่จากไป เรื่องราวของ เชน (เวียร์ – ศุกลวัฒน์ คณารส) เจ้าของสวนมะลิผู้มีอดีตอันเจ็บปวดจากการสูญเสียลูกสาว และแยกทางกับอดีตภรรยา และ พัช(โอ – อนุชิต สพันธุ์พงษ์) ศิลปินนักทำบายศรี อดีตคนรักของเชนในวัยเด็กที่กลับมาพบกันอีกครั้ง ทั้งคู่พยายามเยียวยาบาดแผลในอดีต และรื้อฟื้นความสัมพันธ์ผ่านการทำบายศรีอันงดงาม
มะลิลา เป็นผลงานของผู้กำกับ อนุชา บุญวรรธนะ ที่มีผลงานเป็นที่ยอมรับในระดับนานาชาติ รวมถึงเรื่อง มะลิลาด้วย โดยมะลิลาได้รับรางวัลจากเวทีต่างๆมามากมาย ทั้งของไทยและต่างประเทศ เช่น รางวัลภาพยนตร์ยอดเยี่ยม จาก Kim Jiseok Award เทศกาลภาพยนตร์นานาชาติ ปูซาน 2017, รางวัล Netpac Award จากเทศกาลภาพยนตร์ม้าทองคำ ประเทศไต้หวัน อีกทั้งยังสามารถคว้ารางวัลสำคัญของภาพยนตร์ไทย อย่าง รางวัลภาพยนตร์แห่งชาติ สุพรรณหงส์ ได้ถึง 7 รางวัล ไม่ว่าจะเป็น ภาพยนตร์ยอดเยี่ยม ผู้กำกับยอดเยี่ยม บทภาพยนตร์ยอดเยี่ยม นักแสดงนำชายยอดเยี่ยม และ นักแสดงสมทบชายยอดเยี่ยม เป็นต้น
Nemesis (คืนยุติ-ธรรม)
กำหนดออกอากาศ: 15 ธันวาคม
เรื่องราวของ “มานพ” (ก๊อต จิรายุ ตันตระกูล) ชายหนุ่มผู้มีอนาคตอันสดใสทั้งเรื่องการงานและความรัก และกำลังจะแต่งงานกับ “ดวงใจ” แต่อนาคตของเขากลับต้องพังทลาย เมื่อ ดวงใจ โดนเจ้านายที่ชื่อ “สิทธิชน” (กิ๊ก เกียรติ กิจเจริญ) ข่มขืน ทำให้มานพโกรธแค้นจึงไปทำร้ายสิทธิชน นำไปสู่เหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดเมื่อสิทธิชนพลั้งมือยิงดวงใจตาย ส่วนมานพได้รับบาดเจ็บสาหัส และตื่นขึ้นมาพร้อมตกเป็นผู้เป็นต้องหาในคดีฆ่าภรรยาตัวเองจนเขาต้องติดคุก หลังจากออกจากคุกเขาได้พบกับ “กานดา” (ปูเป้ รามาวดี นาคฉัตรีย์) จิตแพทย์สาวที่อาสาเข้ามาเยียวยาอาการป่วยทางจิตใจของเขา แต่แล้วเมื่อเวลาผ่านไปเธอกลับค้นพบ มานพ อีกคนที่เธอไม่รู้จัก ที่ลุกขึ้นมาตั้งตนเป็นศาลเตี้ยทวงความยุติธรรมแก่สังคมด้วยความรุนแรงในทุกค่ำคืน ยิ่งค่ำคืนล่วงเลยความรุนแรงก็ทวีความโหดเหี้ยมจนกลายเป็นการนองเลือด และนำไปสู่ความจริงปริศนาที่อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ทั้งหมด
Asian Delights: เนื้อหาแนะนำจากเอเชีย
100 Days My Prince: Season 1 (รัก 100 วันของฉันและองค์ชาย)
กำหนดออกอากาศ: 7 ธันวาคม
ซีรีส์เรตติ้งอันดับ 8 สูงสุดตลอดกาลช่องเคเบิ้ลเกาหลี ที่มาพร้อมพล็อตน่าดู เมื่อองค์รัชทายาทอียูลถูกทำร้ายจนบาดเจ็บ สูญเสียความทรงจำ และหายตัวไปจากวังหลวงนานถึง 100 วัน ระหว่างนั้นองค์ชายที่จำอะไรไม่ได้จึงกลายเป็น วอนดึก หนุ่มชาวบ้านธรรมดาที่ไม่เอาไหน และได้พบกับ ฮงชิม หญิงโสดในโชซอนที่ทำงานให้กับสำนักสืบสวน พวกเขาต้องแต่งงานกัน และกลายเป็นจุดเริ่มต้นที่ฮงชิมมองเห็นความดีในตัววอนดึก โดยที่เธอเองไม่รู้เลยว่าตัวตนที่แท้จริงของเขาคือใคร
100 Days My Prince เป็นผลงานนำแสดงซีรีส์เรื่องแรกของ โดคยองซู EXO ที่แสดงออกมาได้ดีทีเดียว ทั้งอารมณ์ที่แตกต่างระหว่างองค์รัชทายาทและวอนดึก, นัมจีฮยอน รับบทฮงชิม นางเอกของเรื่องที่เอาอยู่สบายๆ กับบทโรแมนติกคอเมดี้ที่สดใส คล่องแคล่ว ร่วมด้วยคิมซอนโฮ ที่มารับบท จุงเจยุน ที่ปรึกษาขององค์รัชทายาทที่ป่วยเป็นโรคจำใบหน้าคนไม่ได้ ยกเว้นเพียงฮงชิม ผู้หญิงคนเดียวที่เขาหลงรัก เอาเป็นว่า #ทีมคิมซอนโฮ add playlist รอได้เลย
Alice in Borderland (อลิสในแดนมรณะ)
กำหนดออกอากาศ: 10 ธันวาคม
อะริสุ ชายหนุ่มผู้เฉื่อยชา ตกงาน และติดวิดีโอเกมงอมแงม จู่ๆ ก็พบว่าตัวเขาเองไปอยู่ในโตเกียวอันรกร้างว่างเปล่าและแปลกตา ซึ่งเขากับเพื่อนๆ ต้องแข่งขันในเกมแสนอันตรายเพื่อเอาชีวิตรอด ในโลกสุดประหลาดนี้ อะริสุได้พบกับอุซางิ หญิงสาวที่ต่อสู้ฟันฝ่าในเกมนี้เพียงลำพัง ทั้งคู่ตกลงจับมือออกไปไขปริศนาครั้งแล้วครั้งเล่าด้วยกัน พร้อมกับเสี่ยงชีวิตและเผชิญหน้ากับความหมายของการมีชีวิตอยู่
Alice in Borderland ซีรีส์แนวดรามาสุดระทึกจากญี่ปุ่น ที่สร้างจากหนังสือมังงะชื่อเดียวกัน ของฮาโระ อาโสะ ที่ไม่ใช่แค่เรื่องราวการเอาชีวิตรอดจากเกมสุดโหดเพียงอย่างเดียว แต่เป็นการ “ต่อสู้กับความสิ้นหวังด้วยความหวัง” ท้าทายให้ทุกคนเผชิญหน้ากับความหมายของการมีชีวิตอยู่ ท่ามกลางความสิ้นหวังในโลกปัจจุบัน นำแสดงโดย เคนโตะ ยามาซากิ (จาก Kingdom และ The Disastrous Life of Saiki K) และทาโอะ ซึชิยะ (จาก Library War: BOOK OF MEMORIES และ Mare)
Sweet Home (สวีทโฮม)
กำหนดออกอากาศ: 18 ธันวาคม
ซีรีส์แนวระทึกขวัญสที่น่าดูชมที่สุดช่วงปลายปีนี้ ผลงานกำกับโดย อีอึงบ๊ก ผู้กำกับซีรีส์ Descendants of the Sun, Guardian: The Lonely and Great God, Mr. Sunshine ร่วมกับทีมนักเขียนบทที่มี คิมคันบี และฮวังยังชาน ผู้เขียนเว็บตูน Sweet Home ยอดฮิตในปี 2017 มาร่วมเขียนบทด้วยตัวเอง โดยจะเป็นการดัดแปลงบทจากเว็บตูนให้เรื่องราวมีชีวิตขึ้นมาจริง นำแสดงโดยซงคัง, อีจินอุค, อีชียอง, อีโดฮยอน, คิมนัมฮี, โกมินชี และอีกมากมาย
Sweet Home เล่าถึง ชาฮยุนซู นักเรียนไฮสคูลเลือกขังตัวอยู่แต่ในห้อง ไม่สนทนากับใครทั้งพ่อ แม่ และน้องสาว จนเมื่อทั้งครอบครัวเสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางรถยนตร์ ฮยุนซูจึงย้ายออกจากบ้านไปอยู่อพาร์ทเมนท์เล็กๆ โทรมๆ แห่งหนึ่ง เขายังคงเก็บตัวในห้อง สั่งรามยอนมาเป็นเสบียงประทังชีวิตไปวันๆ จนกระทั่งเกิดเหตุประหลาดขึ้นทั่วโลก ผู้คนกลายร่างเป็นสัตว์ประหลาดและไล่ล่าเอาชีวิตคนที่เหลืออยู่ ฮยุนซูรวมถึงผู้คนในอพาร์ทเมนท์ที่เหลือรอด จึงต้องร่วมมือกันต่อสู้กับสัตว์ประหลาดเพื่อมีชีวิตอยู่ต่อไปให้ได้