สวัสดีค่า สาวๆ ที่เพิ่ง “จบใหม่ ” ทุกคน เป็นเด็กมหาลัยอยู่ไม่กี่ปี แป๊บๆ ก็เรียนจบ ต้องมาใช้ชีวิตเป็นวัยทำงานแล้ว สาวซิสหลายคนก็ช็อก ปรับตัวไม่ค่อยทัน เพราะต้องเปลี่ยนทั้งสไตล์แต่งหน้า สไตล์การแต่งตัว หรือบุคลิกภาพให้เป็นวัยทำงานมากขึ้น จะมาง้องแง้งเป็นเด็กกะโปโลอยู่ ก็จะดูไม่โต!
โดยเฉพาะซิสที่ต้องการเข้าองค์กรใหญ่ เป็นสายงานที่ต้องการความ professional คุยกับคนหลายฝ่าย ลูกค้าเห็นแล้วน่าเชื่อถือ เพราะบางอาชีพ แต่งตัวลุคเด็กๆ ไปเขาไม่ซื้องานจริงๆ นะ แม้ว่าเธอจะประสบการณ์เยอะ ขายเก่งแค่ไหนก็ตาม วัยทำงานภาพลักษณ์ค่อนข้างสำคัญค่ะ
สิ่งหนึ่งที่เด็กเพิ่งจบใหม่ต้องปรับด่วนๆ คือ “การแต่งหน้า” จะปล่อยหน้าสด หน้าซีดเหมือนตอนไปเรียนก็คงไม่ได้แล้ว ต้องแต่งให้ดูเป็นผู้ใหญ่ ดูสง่างามยิ่งขึ้น ( เรียกง่ายๆ ว่าแต่งให้คนเขาเกรงใจนั่นล่ะ ) บทความวันนี้เราจึงขอมาเตือนสาวๆ วัยทำงานว่า อย่าทำตาม ‘”7 สไตล์เมคอัพสุดเด๋อของสาวออฟฟิศ ทำแล้วออร่าดับ” ถ้าอยากดูเป๊ะ ดูเฉี่ยวเป็นนางพญา ต้องเลิกแต่งแบบนี้ไปทำงาน! จะมีอะไรบ้างนั้น เรามาดูกันเลยค่ะซิส
1. ไม่แต่งหน้ากับแสงธรรมชาติ หน้าเข้ม แก้มเป็นปื้นๆ
การแต่งหน้ากับ “แสง” ที่ถูกต้องเป็นสิ่งสำคัญมาก ไม่ว่าเธอจะแต่งมาจากบ้าน หรือมาเติมแป้งเติมลิปที่ห้องน้ำในออฟฟิศก็ตาม ให้สังเกตว่าหลอดไฟเป็นแสงชนิดไหน เราขอเตือนว่าให้หลีกเลี่ยง “ไฟฟลูออเรสเซนต์ ( fluorescent )” ซึ่งเป็นไฟที่มักใช้กันในออฟฟิศ ไฟสีขาวๆ จ้าๆ นั้นจะทำให้หน้าของเธอดูป่วยกว่าความเป็นจริง ทำให้เธอมีแนวโน้มจะแต่งหน้าเข้มกว่าปกติ ถ้าอยู่ในตึกตลอดคงไม่มีปัญหาอะไร แต่ถ้าต้องทำงานนอกสถานที่ ลูกค้าเห็นหน้าลอยๆ บลัชออน ลิปสีเข้มเป็นปื้นเหมือนจะไปเล่นลิเก อาจจะแอบหัวเราะอยู่ในใจก็เป็นได้ //เสียเซลฟ์เวอร์
แสงแนะนำสำหรับการแต่งหน้า ผายมืองามๆ ไปที่ “แสงธรรมชาติ” เท่านั้นค่ะ หากแต่งก่อนไปทำงาน ให้หาห้องที่มีหน้าต่างกว้างๆ แสงเข้าเต็มที่ โดยเฉพาะแสงช่วงเช้า จะทำให้หน้าดูละมุนขึ้นเป็นพิเศษ แต่ถ้าจะเติมระหว่างวัน ให้หามุมไหนก็ได้ของตึกที่มีแสงจากหน้าต่างลอดเข้ามา อย่าใช้แสงขาวทั้งหมด เสี่ยงที่เราจะเห็นตัวเองหน้าซีดกว่าปกติ ทำให้เติมหน้าเยอะโดยไม่จำเป็น หรือถ้าห้องน้ำมีหน้าต่าง หรือมีแสงแดดลอดได้ แต่งที่กระจกหน้าห้องน้ำก็ได้เช่นกันค่ะ
2. แต่งหน้าด้วย “ชิมเมอร์” เยอะเกินไป โดยเฉพาะช่วงริมฝีปาก
จะแต่งหน้าวัยทำงานให้ดูโปร ขอให้ตัดเครื่องสำอางทุกชนิดที่มี “ชิมเมอร์” ออกไปจากกรุก่อน! ในอิมเมจของคนทั่วไป ชิมเมอร์หน้าวาวๆ หรือปากระยิบระยับด้วยลิปกลอส จะเป็นสไตล์เมคอัพแบบเด็กๆ เหมาะกับเด็กวัยรุ่นมัธยม มหาลัย หรือฉีกไปสายเซ็กซี่ในงานปาร์ตี้โน่นเลย จะไม่ใช้กับการแต่งหน้าไปทำงาน ไปเข้าประชุม พบลูกค้าสำคัญเท่าไหร่นัก เมคอัพสาวออฟฟิศจึงมักเน้นลุคแมตต์เรียบๆ โทนสีสุภาพเสียเป็นส่วนใหญ่ค่ะ
หากไม่ชอบลุคแมตต์เอาซะเลย อยากให้หน้ามีประกายโกลว์ ดูสุขภาพดี ให้ใช้แปรงแตะชิมเมอร์สีใสๆ เม็ดเล็กๆ แล้วปัดที่พวงแก้มอย่างเบามือที่สุด ให้เกล็ดชิมเมอร์ติดแค่พอวาวๆ เวลาโดนแสง ไม่ใช่เดินมาที เห็นหน้าสว่างมาตั้งแต่ระยะร้อยเมตร อันนั้นก็โกลว์เกิน นึกว่าลูกนิมิต! ในส่วนของงานปาก ให้ใช้ลิปสติกเนื้อแมตต์หรือเนื้อครีมแทน ลุคโดยรวมจะสง่า ดูโต ทำให้คนอื่นเกรงใจมากขึ้น
3. ทา “ลิปสติกสีซีดๆ” ในวันพรีเซนต์การประชุม
การทำงานในออฟฟิศ แน่นอนว่าต้องมีการประชุมทีม ประชุมติดตามผล พรีเซนต์ผลงานกับลูกค้า หรือการนัดพบเจ้านายเพื่อขอปรับขึ้นเงินเดือนประจำปี จำนวนคนฟังมีตั้งแต่หลักหน่วยถึงหลักร้อยคน ซึ่งการมิตติ้งแบบนี้มีจุดประสงค์ชัดเจนว่า “ต้องการให้เขาสนใจ รับฟังสิ่งที่เราจะสื่อ” ไม่ใช่นั่งเบื่อ ง่วงเหงาหาวนอน นอกจากสกิลการพูดที่ควรฉะฉาน ตรงประเด็น ไม่ออกนอกทะเลแล้ว การสร้างภาพลักษณ์ที่ดูมีพลัง แข็งแกร่ง เป็นสาวมั่นก็สำคัญ โดยเฉพาะการแต่งหน้า ที่สีปากกำหนดอารมณ์ของวันนั้นๆ ได้เลย
ใส่ใจเลือกสีลิปสักนิด อย่าทาสีนู้ด สีชมพูอ่อน หรือสีซีดๆ ที่กลืนไปกับผิวหน้า เวลาพูดพรีเซนต์เธอจะดูพลังน้อยลง เพราะสีปากโดนกลบมิด มองเผินๆ เหมือนไม่มีปาก เราแนะนำให้เพิ่มพลังด้วย “ลิปสติกสีสดใส” เช่น สีส้มเข้ม สีแดง สีน้ำตาลอมแดง ให้จุดสนใจอยู่ที่ริมฝีปากเรา ลองสังเกตว่าพวกพิธีกรงานใหญ่ นักพูด หรือดาราที่ให้สัมภาษณ์กับคนเยอะๆ มักเลือกใช้ลิปสีแดง สีส้มกันทั้งนั้น เพราะเป็นจิตวิทยาให้คนสนใจ “ปาก” ดึงดูดให้ฟังสิ่งที่คนคนนั้นพูดโดยอัตโนมัติ นัดพบลูกค้าครั้งหน้า ลองทาลิปโทนสีสดใสที่ชอบดูนะคะ ผลลัพธ์เปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้นแน่นอน
4. ส่องกระจก เช็คหน้าตัวเองทุกๆ 10 นาที จนไม่เป็นอันทำงาน
ห่วงเรื่องภาพลักษณ์ตัวเองมันก็ดีแหละ เป็นหน้าเป็นตาของบริษัท แต่ถึงขั้นส่องกระจกทุก 10 นาทีเหมือนนกหงษ์หยกก็ไม่ไหวเด้อ ทำงานทำการบ้าง! สาวๆ บางคนกลัวหน้าไม่เป๊ะ ถึงขั้นซื้อกระจกกลมๆ มาวางที่โต๊ะทำงาน ส่องมันอยู่นั่น งานในออฟฟิศยังไม่ถึงไหน อะเช็คสีลิปหน่อย มาสคาร่าเลอะรึเปล่า เติมแป้งดีมั้ย ทำแบบนี้บ่อยๆ ระวังเจ้านายยื่นซองขาวนาจา กลัวไม่สวยมาก งั้นไปแต่งต่อที่บ้านให้หนำใจ ไม่ต้องมาทำงานแล้วนะ!! //ร้องไห้กระซิก TT
ถ้าเธอไม่ได้ทำงานที่ต้องทดสอบ รีวิว หรือหาข้อมูลเกี่ยวกับเครื่องสำอางโดยตรง ไม่ได้อยู่ในสายงานแฟชั่น ไม่ได้เป็น Beauty Editor แต่เป็นพนักงานออฟฟิศธรรมดา พยายามอย่าแต่งหน้าที่โต๊ะทำงานหากไม่จำเป็นจริงๆ มันดูไม่ค่อยมืออาชีพ หัวหน้าจะคิดว่าเราจัดการเวลาไม่เป็น ควรไปหลบมุมแต่งเงียบๆ ในห้องน้ำ หรือห้องส่วนกลาง ( ถ้ามี ) จะดีกว่า
5. ลืมเขียนคิ้ว กันคิ้ว! คิ้วแหว่ง คิ้วรก คิ้วโล้นเป็นแม่ชีเพิ่งบวช
เพราะคิ้วคือมงกุฎของใบหน้า ทรงคิ้ว ความเข้มของคิ้ว กำหนดอารมณ์และความเป๊ะของเมคอัพลุคนั้นๆ ได้เลย ดังนั้นจะแต่งเต็มทั้งหน้า แต่ลืมเขียนคิ้ว ลืมกันคิ้วไม่ได้! หน้าแน่น ปากปั๊วะ แต่คิ้วแหว่ง คิ้วโล้นเหมือนแม่ชี หรือคิ้วรกเป็นป่าดงดิบ ก็คงไม่ใช่ภาพที่น่ามองเท่าไหร่ ดูขัดหูขัดตาแปลกๆ เหมือนสวยไม่เสร็จ!
สาวๆ วัยทำงาน ควรดูแลคิ้ว กันคิ้วให้เข้ารูปอยู่เสมอ และไม่ลืมที่จะเขียนคิ้วให้สวย ถมส่วนที่แหว่ง เช่น หางคิ้ว ไม่บางไปเหมือนขีดเส้น และไม่เข้มเหมือนเอาดินสอ 2B ฝนหน้า หากวันไหนเธอไม่จำเป็นต้องแต่งหน้า ใส่แมสทั้งวัน แค่มีคิ้วสวยๆ ก็มีชัยไปกว่าครึ่งแล้ว หากอยากให้คิ้วเป๊ะปังยิ่งขึ้น ให้ปิดท้ายด้วยมาสคาร่าคิ้ว ปัดย้อนตามแนวเส้นขน ให้ขนคิ้วแน่นฟู ทำให้หน้าชัด หน้าคมขึ้นค่ะ
6. คอนทัวร์หน้าหนักมาก เหมือนไปเดินแบบ มากกว่ามาทำงาน
แม้เราจะไม่ควรหน้าซีดไปทำงาน แต่กับงานบริษัททั่วไปที่ไม่ใช่สายงานแฟชั่น ครีเอทีฟ การฟาดคอนทัวร์สายฝ. สีเข้มทั้งหน้า เบลนด์ยังไงก็ยังเห็นเส้นเป็นปื้น ลุคเฟียสๆ ประหนึ่งนางแบบจะขึ้นรันเวย์ ก็อาจจะดูผิดที่ผิดทางไปนิด ไปประชุม ไปเจอลูกค้า ลูกค้าอาจจะกลัวหรือแอบคิดในใจว่า “จะมาทำงาน หรือจะไปปาร์ตี้กับเพื่อนกันแน่ครับคุณ??” โป๊ะมากก อย่าหาแต่ง เก็บความเฟียสไปใช้เวลาเลิกงานดีกว่านะ!
ถ้าชีวิตขาดคอนทัวร์ อยากเก็บกรอบหน้าจริงๆ ไม่มั่นใจกลัวหน้าบาน แนะนำให้ใช้คอนทัวร์สีอ่อน ( เข้มกว่าสีผิวจริง 1-2 เฉดสี ) แล้วใช้แปรงไล้เบาๆ ตามช่วงสันจมูก คาง ไรผม พอให้หน้ามีมีติขึ้นก็พอ และอย่าลืมเบลนด์เส้นๆ ที่คอนทัวร์ไว้ให้กลืนไปกับผิวด้วยนะคะซิส เท่านี้ก็ยังสวย แต่ยังคงความ professional ได้ครบถ้วนแล้ว
7. ไม่ทาบลัชออน แก้มซีดเหมือนคนป่วยมาทำงาน
การปัดแก้มด้วยสีสันสดใส จะช่วยเพิ่มเลือดฝาดให้พวงแก้ม ทำให้ใบหน้าโดยรวมของสาวๆ มีชีวิตชีวามากยิ่งขึ้น ในทางกลับกัน ถ้าปล่อยแก้มไว้โล้นๆ และเป็นคนผิวขาวโดยทุนเดิม หน้าจะดูซีดๆ เหมือนคนป่วย แต่จะใช้สีแดงเข้มจัดๆ หรือสีน้ำตาลก็อาจจะดูไม่เหมาะกับงานออฟฟิศเท่าไหร่ เลือกบลัชออนสีโทนธรรมชาติที่กลมกลืนกับผิวหน้าเราจะดีที่สุด
บลัชออนโทนสีที่สาวออฟฟิศส่วนใหญ่ recommend คือโทนสีพีช หรือสีชมพูหม่นๆ แบบ dusty pink หากเป็นสาวผิวสองสี จะใช้สีส้มอ่อนๆ เพื่อไฮไลท์ให้แก้มมีเลือดฝาดขึ้นก็ดูสวย แต่อย่าใช้โทนสีที่อ่อนเกินไป เช่น สีชมพูนีออน หรือสีชมพูนม เพราะสีเหล่านั้นจะให้ลุคของเด็กน้อยๆ หรือวัยรุ่นสายแบ๊วมากกว่า เน้นสีที่อมส้มหรืออมน้ำตาล จะทำให้ลุคเมคอัพของเราดูโตขึ้นค่ะ
เมื่อรู้ 7 สไตล์การแต่งหน้าที่ไม่ควรทำแล้ว ก็อย่าไปหาทำ ถ้าอยากดูเป็นมืออาชีพ! ที่จริงการแต่งแบบนี้ก็ไม่ใช่เรื่องผิดบาปอะไรหรอก แค่อาจจะทำให้บุคลิกภาพเราดรอป เหมือนเด็กเล่นขายของมากกว่าทำงานจริงจัง นึกภาพว่าเราแต่งสูททำงานมาสวยเป๊ะ แต่หน้าสด คิ้วแหว่ง หรือปากมันเลื่อมเหมือนเพิ่งกินไก่ย่าง First Impression ของคนเพิ่งเจอกันครั้งแรกคงไม่ดีแน่ ยิ่งถ้าอยู่ในสายงานที่เจอลูกค้าใหม่ๆ ตลอดเวลา ไม่รู้จะถูกเรียกไปขายงานข้างนอก หรือประชุมนอกสถานที่เมื่อไหร่ ความเป๊ะทั้งหน้า ผม เสื้อผ้า ก็เป็นสิ่งที่สำคัญ ลองเอาคำแนะนำจากในบทความนี้ไปปรับใช้ดูน้า รับรองว่าเธอจะดูเป็น “ผู้ใหญ่” มากขึ้นแน่นอน พบกันใหม่คราวหน้าค่าา บ๊ายบาย