เชื้อราในบ้าน ปัญหาที่มาพร้อมหน้าฝนยอดฮิตไม่แพ้ปัญหาน้ำรั่ว น้ำซึมเข้าบ้านเช่นกัน โดยเฉพาะที่พักอาศัยที่ไม่ค่อยเปิดประตู หน้าต่างรับแดด รับลมบ้าง มักจะประสบปัญหาบ้านหรือห้องมีกลิ่นอับ ชื้น ตามมาด้วยเชื้อราที่แอบซ่อนตัวอยู่ภายในบ้าน ซึ่งแหล่งเพาะเชื้อราชั้นดีภายในบ้านที่พบได้บ่อยที่สุด เช่น ห้องน้ำ ห้องนอน และห้องครัว หรือซอกมุมอับแดด อับลม ที่เราไม่คาดคิด เช่น ใต้วอลล์เปเปอร์ ฝ้าเพด้าน เฟอร์นิเจอร์ที่เป็นผ้า หรือใต้พรม
และเมื่อใดความชื้นเป็นใจ อุณหภูมิเหมาะสม เชื้อราที่ซ่อนตัวอยู่ในซอกหลืบเงียบๆ ก็จะเริ่มแพร่กระจายตัวออกมา เริ่มจากจุดเล็กสีสันต่างๆ สีดำ น้ำตาล เขียว แดง เหลืองและขาว มักจะรวมตัวเป็นกลุ่มก้อนในบริเวณที่อับชื้น พร้อมกับปล่อยสปอร์เชื้อราออกมา ถ้าเราอาศัยอยู่ร่วมชายคากับเชื้อรา เท่ากับว่าเราเองก็เสี่ยงที่จะสูดเอาสปอร์ของเชื้อราที่ลอยอยู่ในอากาศภายในบ้านเข้าสู่ร่างกาย ส่งผลให้เกิดการเจ็บป่วยต่างๆ ขึ้น เช่น หอบหืด ภูมิแพ้ ปอดอักเสบจากภูมิแพ้ ระคายเคืองตา จมูก หลอดลม หรือบางคนอาจมีอาการแพ้เป็นผื่นลมพิษได้ เพราะฉะนั้นเพื่อเป็นการป้องกันก่อนที่จะเชื้อราจะลุกลามมาทำร้ายสุขภาพของเรา ควรหาวิธีป้องกันการเกิดเชื้อราในบ้านเพื่อความปลอดภัยโดยเฉพาะในช่วงที่บ้านเราเข้าสู่ฤดูฝนเช่นนี้
บ้านหายใจได้ ลดเสี่ยงเชื้อราในบ้าน
บ้านหายใจได้หรือภาวะที่อากาศภายในบ้านที่ถ่ายเทได้สะดวก เป็นหัวใจสำคัญในการป้องกันการเจริญเติบโตของเชื้อราในบ้าน รวมถึงมลภาวะอื่นที่เกิดจากกิจกรรมภายในบ้าน เช่น การทำอาหาร การรีดผ้า ที่สำคัญการที่ภายในบ้านมีการระบายถ่ายเทอากาศอยู่เสมอ ช่วยลดการสะสมของความชื้นในตัวบ้าน เป็นการช่วยให้เครื่องปรับอากาศทำงานน้อยลง เนื่องจากเครื่องไม่ต้องทำงานหนักในการดูดความชื้นออกจากตัวบ้าน และยังช่วยลดความร้อนสะสมในตัวบ้าน ก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกในการลดภาระการทำงานของเครื่องปรับอากาศเพื่อให้อากาศภายในบ้านเย็นสบายอีกด้วย
แนะวิธีป้องกันเชื้อราในบ้าน
1.เปิดหน้าต่างให้อากาศถ่ายเท
ลองเปิดประตูหน้าต่าง ผ้าม่านบ้าง เพื่อให้ลมพัดเข้าสู่ภายในบ้านและไล่ระบายอากาศออกนอกตัวบ้าน จะเป็นการไล่ความชื้นภายในตัวบ้านที่ทำได้ง่ายที่สุด และยังช่วยลดความร้อนสะสมในตัวบ้านได้อีกด้วย แต่สำหรับบ้านที่อยู่ในเมือง การเปิดประตูหน้าต่างเพื่อรับลมเย็น เหมือนบ้านที่อยู่นอกเมืองอาจไม่สะดวกนัก เพราะความกังวลเรื่องฝุ่นควันและมลภาวะนอกบ้าน ทางเลือกที่ทำได้ก็คือ การเปิดหน้าต่างรับลมในช่วงเช้าตรู่สักพัก เพื่อไล่อากาศเดิมภายในบ้านออกและเติมอากาศใหม่เข้าไปภายในตัวบ้าน
2.วางเฟอร์นิเจอร์ชิดผนัง ไม่ขวางทางลม
อีกหนึ่งวิธีที่ช่วยให้อากาศภายในบ้านระบายถ่ายเทได้ดี นั่นก็คือ การจัดวางเฟอร์นิเจอร์ในบ้านประเภทตู้ ชั้นวางของที่มีลักษณะทึบชิดผนัง จะช่วยให้อากาศภายในบ้านไหลเวียนได้สะดวกและไม่ขวางทางลมจากประตูหน้าต่างที่พัดเข้ามา ช่วยให้ภายในบ้านมีอากาศใหม่ๆ ไหลเวียนอยู่ตลอด จะช่วยทั้งลดความชื้นในตัวบ้านและลดอุณหภูมิความร้อนในตัวบ้านได้เช่นเดียวกัน
3.น้ำรั่ว น้ำซึมอย่าปล่อยไว้
หาเวลาเดินสำรวจบ้านในจุดเสี่ยงที่จะเกิดการรั่วซึมได้จากรอยแตกร้าว เช่น ดาดฟ้า รอยต่อผนังกับประตู หน้าต่าง พื้นบ้านโดยเฉพาะพื้นห้องน้ำชั้นบนที่เสี่ยงจะเกิดการรั่วซึมลงมาถึงชั้นล่าง หรือท่อน้ำในห้องน้ำ ห้องครัวเกิดการรั่วซึม จุดสังเกตุง่ายๆ ว่าพื้นที่บริเวณนั้นเกิดการรั่วซึม เช่น หากเป็นฝ้าจะเห็นคราบน้ำปรากกฏบนฝ้า หากเป็นผนัง สีทาผนังจะบวมปูดออกมา หรือลอกร่อน หรือเห็นคราบน้ำ ตะไคร้น้ำเป็นแนวยาวตามแนวท่อน้ำ
4.หาตัวช่วยดูดความชื้น
สำหรับบ้านที่มีความชื้นอยู่แล้ว การใช้เครื่องฟอกอาการเป็นอีกทางเลือกในการลดความชื้นภายในห้องหรือพื้นที่จำกัดได้ดี เจ้าตัวเครื่องดูดความชื้นนี้จะทำหน้าที่ดูดความชื้นในอากาศภายในห้องให้เหลืออยู่ในระดับที่ปลอดภัย ช่วยลดกลิ่นอับ และยับยั้นการเจริญเติบโตของเชื้อราด้วย
5.เลือกใช้สีทาบ้านที่ป้องกันเชื้อรา
อีกหนึ่งวิธีปกป้องบ้านจากเชื้อรานั่นก็คือ การใช้สีทาบ้านที่มีคุณสมบัติป้องกันเชื้อรา ช่วยยับยั้นแบคทีเรียและเช็คล้างทำความสะอาดผนังได้ง่าย ก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งในการดูแลปกป้องผนังบ้านไม่ให้เกิดเชื้อราขึ้นได้ เนื่องจากเนื้อสีรุ่นใหม่ๆ จะมีเทคโนโลยีเนื้อฟิลม์ที่เคลือบผนังเอาไว้ไม่ให้เชื้อรา แบคทีเรียเจริญเติบโตบนผนังได้ และยังช่วยให้เช็ดล้างทำความสะอาดง่ายอีกด้วย
ปัญหาเชื้อราในบ้านที่ส่งผลกระทบกับคนในบ้านมีได้ตั้งแต่ ความรู้สึกไม่สบายตัว อึดอัด หายใจไม่สะดวก ได้กลิ่นอับ หรือเฟอร์นิเจอร์ของใช้ในบ้านขึ้นราเสียหาย อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ก็พลอยได้รับผลกระทบไปด้วยจากความชื้น เพื่อความปลอดภัย อย่าปล่อยให้บ้านชื้นมากเกินไป เพื่อป้องกันปัญหาเชื้อราที่กระทบสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ส่งผลให้เกิดปัญหาอื่นๆ ตามมา