สวัสดีค่าาา วันนี้เรามีสิ่งดีๆ มาแชร์กับสาวๆ ที่รักอีกแล้วนะ
ก่อนอื่นขอถามหน่อยสิว่ามีใครที่ชอบแต่งหน้าเป็นประจำแทบจะทุกวันบ้างรึเปล่า??? แหมมม เอาจริงๆ ก็ไม่น่าแปลกใจสักเท่าไหร่เลยนะ ที่สาวๆ หลายคนจะชอบแต่งหน้าเพิ่มความเป๊ะให้หน้าดูสวยปัง เพราะว่าแค่ใช้เรื่องสำอางเติมนั่นนิดเติมนี่หน่อย ก็ช่วยกลบจุดด้อยต่างๆ บนใบหน้าให้หายวับ แถมยังช่วยเสริมพลังความสวยให้ส่วนต่างๆ ของใบหน้าดูสวยเด่นขึ้นอีกด้วย แต่เรามั่นใจว่าต้องมีสาวบางคนที่ต่อจะให้ตั้งใจแต่งหน้าแบบสุดพลัง หรือใช้เครื่องสำอางคุณภาพดีเบอร์แรง ก็ยังแต่งหน้าออกมาดูไม่ปังอย่างที่หวังไว้ แล้วสาเหตุที่เป็นอย่างนี้ก็อาจเป็นเพราะพวกเธอแต่งหน้าไม่ถูกวิธีก็ได้นะ
วันนี้เราเลยลิสต์ 8 ลำดับการแต่งหน้าที่ถูกต้อง มาให้ทั้งมือใหม่หัดแต่งหน้า รวมทั้งคนที่อยากแต่งหน้าให้เป๊ะขึ้นได้ลองดู จำ และนำไปทำตามกัน รับรองเลยว่าจะช่วยทำให้แต่งหน้าได้ง่าย รวดเร็ว ใช้เวลาไม่นาน และได้ฟินิชลุคเมคอัพสวยๆ แบบไม่ต้องกลัวว่าจะโป๊ะแตก ถ้าพร้อมแล้วก็ตามไปดูได้เลยยย
1. ทามอยส์เจอไรเซอร์เพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิว
ก่อนจะเริ่มต้นลงเครื่องสำอางสารพัดชิ้นลงบนผิว ถ้าสาวๆ ไม่อยากเจอกับปัญหาแต่งหน้าไม่ติด หรือผิวหน้าดูไม่เรียบเนียน / ตกร่อง / เป็นขุย ก็ห้ามมองข้ามสเต็ปการบำรุงผิวก่อนแต่งหน้าเด็ดขาดเลยนะ โดยเฉพาะใครก็ตามที่มีสภาพผิวแห้งเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ก็ควรทา “มอยส์เจอไรเซอร์” เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิว ซึ่งเราแนะนำว่าให้ถูฝ่ามือเบาๆ เพื่อวอร์มอยส์เจอไรเซอร์ก่อน จากนั้นก็ค่อยๆ นวดลงบนผิวในทิศทางนวดออกด้านข้างและนวดย้อนขึ้นด้านบน วิธีนี้ก็จะช่วยทำให้ผิวชุ่มชื้นและช่วยให้มอยส์เจอไรเซอร์ซึมเข้าผิวได้ล้ำลึกขึ้นกว่าเดิม เพียงเท่านี้ผิวก็พร้อมรับการแต่งหน้าในขั้นตอนต่อๆ ไปแล้ว
2. ทาไพรเมอร์ปรับผิวเรียบเนียน เมคอัพติดผิวมากขึ้น
คิดเหมือนกันมั้ยคะว่าอากาศเมืองไทยมันทั้งร้อน ทั้งอบอ้าว จนทำให้เหงื่อออกและผิวมันง่ายขึ้นกว่าเดิมไปอีก แบบนี้ถ้าแต่งหน้าแบบไม่ถูกวิธีก็อาจทำให้รองพื้นและเมคอัพส่วนอื่นๆ ไหลกองมารวมกันได้ สเต็ปการเตรียมผิวก่อนลงรองพื้นที่สำคัญและจำเป็นมากๆ เลยก็คือการทา “ไพรเมอร์” นั่นเองค่ะ เพราะว่าไพรเมอร์ถือเป็นไอเทมตัวเด็ดที่จะช่วยเบลอรูขุมขนให้ดูเล็กลง ช่วยลดความมันบนใบหน้า และช่วยให้เมคอัพติดทนอยู่บนผิวนานขึ้นกว่าเดิมอีกต่างหาก โดยวิธีทาไพรเมอร์เพิ่มความปังให้ผิวก็แนะนำให้ใช้เท่าเมล็ดถั่วเขียว แล้วค่อยๆ เกลี่ยให้ทั่วใบหน้า หรือถ้าใครไม่อยากทาไพรเมอร์ทั่วใบหน้า ก็อาจทาแค่เฉพาะผิวบริเวณที่มันง่าย อย่างช่วง T-zone บริเวณหน้าผาก จมูก และคางก็พอแล้วละ
3. ลงรองพื้นทีละนิดแล้วค่อยๆ เพิ่มเลเยอร์
คราวนี้ก็ได้เวลามาเสกงานผิวสวยเนียนกริบด้วย “รองพื้น” บ้างแล้วนะ เราต้องบอกเลยว่าจริงๆ แล้วการลงรองพื้นให้ผิวสวยเนียนเป็นธรรมชาติ สามารถลงรองพื้นด้วยนิ้วมือของตัวเอง หรือจะลงรองพื้นด้วยแปรงแต่งหน้าก็เลือกได้ตามความถนัดเลย โดยการใช้นิ้วมือลงรองพื้นก็เหมาะกับวันที่ต้องการแต่งหน้าบางๆ เบาๆ ในระยะเวลาอันรวดเร็ว ส่วนการใช้แปรงลงรองพื้นก็จะเหมาะกับการแต่งหน้าที่อยากได้งานผิวแบบ Full-coverage กลบผิวเนียนกริบแบบไม่เหลือร่องรอย แล้วสิ่งที่เราอยากเตือนสาวๆ ทุกคนไว้เลยก็คือการลงรองพื้นที่ถูกต้อง ควรลงรองพื้นทีละน้อยๆ ก่อน แล้วค่อยเพิ่มเลเยอร์บนผิวบริเวณที่ต้องการการปกปิดเพิ่มมากขึ้นทีหลัง เท่านี้ก็ได้งานผิวสวยๆ แบบไม่ดูหนาโบ๊ะเกินไปแล้ว
4. กลบรอยสิว / จุดด่างดำด้วยคอนซีลเลอร์
หลังจากที่ลงรองพื้นจนผิวเรียบเนียนขึ้นในระดับนึงแล้ว สาวคนไหนที่มีปัญหารอยสิว รอยดำ หรือรอยคล้ำใต้ตาที่รองพื้นไม่สามารถกลบได้หมด ก็ต้องปล่อยให้เป็นหน้าที่ของ “คอนซีลเลอร์” ช่วยปกปิดร่องรอยต่างๆ เหล่านี้แล้วล่ะ ซึ่งการเลือกใช้คอนซีลเลอร์สำหรับกลบจุดด่างดำและรอยคล้ำบนใบหน้าแต่ละส่วน ก็ต้องเลือกชนิดของคอนซีลเลอร์แตกต่างกันไปด้วยนะ สำหรับสาวๆ ที่ต้องการปกปิดใต้ตาแพนด้าที่ทำให้หน้าดูโทรม ก็ควรเลือกใช้คอนซีลเลอร์เนื้อลิควิดที่สว่างกว่าผิว 1 เฉด เพื่อให้บริเวณใต้ตาดูสว่างสดใสมากขึ้น ส่วนพวกรอยสิวหรือจุดด่างดำต่าง ก็ควรเลือกใช้คอนซีลเลอร์เนื้อครีมที่มีโทนสีพอดีกับผิวจะดีที่สุดค่ะ เพราะรอยดำต่างๆ พวกนี้ถ้าใช้คอนซีลเลอร์สีสว่างอาจทำให้เห็นชัดกว่าเดิมแทน
5. คอนทัวร์ > บลัชออน > ไฮไลท์ เพิ่มสีสันและมิติให้ใบหน้า
ถ้าอยากแต่งหน้าให้สวยปัง แค่กลบผิวให้เนียนกริบอย่างเดียว ใบหน้าก็อาจดูขาดสีสันหรือดูลอยๆ ได้เหมือนกันนะคะ! เพราะฉะนั้นขั้นตอนการแต่งหน้าสเต็ปต่อไปที่ต้องทำก็คือการเติมสีสันให้พวงแก้มด้วยบลัชออน พร้อมคอนทัวร์เก็บกรอบหน้าและไฮไลท์ส่วนต่างๆ เพื่อทำให้ใบหน้าดูมีมิติและสวยพุ่งมากกว่าเดิมนั่นเอง โดยสิ่งแรกที่สาวๆ ต้องทำก็คือการคอนทัวร์หน้าบริเวณโหนกแก้ม สันกราม ไรผม และสันจมูก ด้วยผลิตภัณฑ์คอนทัวร์ที่เข้มกว่าผิว 2 ระดับ จะได้ไม่ดูเข้มเกินไปจนเป็นรอยดำปื้นๆ จากนั้นก็ปัดบลัชออนเพื่อเติมสีสันให้ใบหน้า ระหว่างที่ปัดแก้มก็อย่าลืมยิ้มน้อยๆ แล้วปัดบริเวณตำแหน่งที่สูงสุดของแก้มเพื่อความเป็นธรรมชาติ แล้วปิดท้ายด้วยการปัดไฮไลท์ผสมชิมเมอร์ บริเวณสันจมูก หน้าผาก โหนกแก้ม และโหนกคิ้ว ก็ช่วยให้ผิวดูโกลว์ๆ วิ้งค์ๆ ตามสไตล์สาวสุขภาพดีมาเอง
6. อายแชโดว์ > อายไลเนอร์ > มาสคาร่า แต่งตาให้สวยปิ๊ง
งานผิวก็มา งานแก้มก็มาแล้ว คราวนี้ถึงเวลามาแต่งตาเพื่อเพิ่มความโดดเด่นให้ดวงตาดูมีเสน่ห์มากขึ้นบ้างแล้วละ สาวคนไหนที่แต่งหน้าไม่ค่อยเก่งหรือเพิ่งเริ่มแต่งหน้าได้ไม่นาน ก็อาจจะแอบงงๆ ว่าต้องใช้อายแชโดว์สีไหน? ทาอายแชโดว์ยังไง? กันแน่นอนเลยล่ะสิ… มาค่ะ เดี๋ยวเราจะสอนวิธีการทาอายแชโดว์แบบง่ายๆ ให้ได้ลองทำตามกัน โดยสเต็ปแรกให้ใช้อายแชโดว์โทนสว่างเฉดสีเดียวกับสีผิวทาเป็นอายแชโดว์เบสก่อน แล้วตามด้วยการใช้อายแชโดว์เฉดสีเข้มสำหรับคัดเบ้าให้ดวงตาดูมีมิติขึ้นกว่าเดิม ส่วนอายแชโดว์สีกลางๆ ระหว่างสีอ่อนและสีเข้ม มีไว้ใช้ทาลงไปที่เปลือกตาเพื่อเบลนด์ให้สีของอายแชโดว์ดูเข้ากันนั่นเองค่ะ หลังจากที่ทาอายแชโดว์เสร็จแล้วก็ให้เขียนอายไลเนอร์วิงก์หางยาวตามความต้องการ แล้วปิดท้ายด้วยการดัดขนตาและปัดมาสคาร่าเพื่อให้ขนตางอนเด้งขึ้นได้เลย
7. เขียนขอบปากก่อนทาลิปสติกช่วยให้ปากอวบอิ่มขึ้น
อวัยวะสำคัญบนใบหน้าที่เห็นเด่นชัดและดึงดูดสายตามากที่สุด ก็คงหนีไม่พ้น “ริมฝีปาก” นี่แหละค่ะ แบบนี้ถ้าอยากจะให้เมคอัพที่ตั้งใจแต่งอยู่ตั้งนานสองนาน ออกมาสวยปังคุ้มค่ากับเวลาและความทุ่มเทที่เสียไป ก็ต้องให้ความสำคัญกับขั้นตอนการเติมสีสันให้ริมฝีปากกันหน่อยนะ ซึ่งปกติแล้วสาวๆ ส่วนใหญ่คงจะใช้ลิปสติกแท่งโปรดทาปากทีเดียวจบกันใช่มั้ยล่ะ? แต่ถ้าอยากให้ริมฝีปากสวยและดูอวบอิ่มขึ้นกว่าเดิม เราขอแนะนำให้ลองใช้เทคนิคการเขียนขอบปากด้วย ‘ ลิปไลเนอร์ ’ ก่อน เพื่อทำให้ขอบปากดูคมชัด ริมฝีปากอวบอิ่ม ที่สำคัญยังช่วยกำหนดเส้นขอบปากทำให้ทาปากได้ง่ายขึ้น และเวลาทาลิปสติกก็ไม่ต้องกลัวว่าจะทาเลอะเทอะหรือทาเกินขอบปากมากเกินไปอีกด้วยนะ คอนเฟิร์มเลยว่าเทคนิคนี้ดีจริง!
8. ทาแป้งฝุ่นโปร่งแสง / ฉีดสเปรย์เซตเมคอัพติดทนตลอดวัน
พอสาวๆ เติมสีสันและเสริมความสวยให้ใบหน้าด้วยเครื่องสำอางหลากหลายชิ้นเสร็จแล้ว ก็ไม่ได้หมายความว่าจะเดินออกไปลั้ลลานอกบ้านได้ทันทีเลยนะ เธออย่าลืมสิว่าอากาศเมืองไทยมันร้อนเวอร์เบอร์แรงขนาดไหน ขืนแต่งหน้าสวยเป๊ะแบบไม่เซตผิวให้เรียบร้อยก่อน ก็คงสวยได้แค่ไม่กี่ชั่วโมง พอเมคอัพบนหน้าเจอกับทั้งความร้อนและเหงื่อ ก็คงทำให้ผิวมันเยิ้มและเครื่องสำอางไหลจนเลอะเทอะไปหมดแน่ๆ ดังนั้น หลังจากที่แต่งหน้า แต่งตา ทาปากเสร็จเรียบร้อยแล้ว สเต็ปการแต่งหน้าอย่างสุดท้ายที่ต้องทำทุกครั้งเลยก็คือการเซตผิวด้วย “แป้งฝุ่นโปร่งแสง” หรือ “เซตติ้งสเปรย์” ที่นอกจากจะช่วยคุมมัน กันเหงื่อ แล้วยังช่วยล็อกเมคอัพให้ติดแน่นทนนานอยู่บนหน้าได้ตลอดทั้งวันด้วย
หูยยย บอกได้เลยว่าแฉเคล็ดลับความสวยหมดเปลือกแบบไม่มีกั๊กเลยนะ เพราะ ลำดับการแต่งหน้าที่ถูกต้อง ทั้ง 8 ขั้นตอนที่เราลิสต์มาแชร์กันวันนี้ นอกจากจะช่วยให้สาวๆ ไล่สเต็ปการแต่งหน้าได้อย่างถูกต้องแล้ว ยังมีเทคนิคดีๆ ที่จะช่วยให้แต่งหน้าง่าย รวดเร็ว และได้ฟินิชลุคที่สวยเป๊ะกว่าเดิมอีกต่างหาก ฉะนั้น หลังจากที่สาวๆ อ่านจนครบทุกสเต็ปแล้ว ก็ต้องรีบนำไปทำตามเวลาแต่งหน้ากันด้วยนะ ถึงแม้ว่าวันนี้เธออาจจะยังแต่งหน้าไม่เก่งก็จริง แต่ถ้าฝึกแต่งหน้าบ่อยๆ จนชินมือ ต่อไปก็ไม่ใช่เรื่องยากแล้วล่ะ