ศาลแคลิฟอร์เนีย สั่งจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน จ่ายเงินชดเชยกว่าหมื่นล้าน ให้กับหญิงรายหนึ่งที่ใช้แป้งทาจุดซ่อนเร้นมานานกว่า 40 ปี แล้วตรวจพบว่าเป็นมะเร็งรังไข่ระยะสุดท้าย ขณะที่บริษัทเตรียมยื่นอุทธรณ์ ชี้ยังไม่มีข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ยืนยันว่าใช้แป้งแล้วจะเป็นมะเร็ง
เมื่อวันที่ 22 สิงหาคม 2560 ที่ผ่านมาทางสำนักข่าว cnn รายงานว่าศาลสูงในลอนแอนเจลิส ได้ตัดสินให้ บริษัทจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน จ่ายค่าชดเชยกว่า 417 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 13,837 ล้านบาท ให้กับ นางอีวา เอเชเวอร์เรีย อายุ 63 ปี หลังจาก นางอีวา ได้ยื่นฟ้องร้องบริษัท เจแอนด์เจ โดยระบุว่า ตัวเธอเป็นโรคมะเร็งรังไข่ เนื่องจากใช้แป้งของบริษัทดังกล่าวทาจุดซ่อนเร้นมานานหลายสิบปี
นางอีวา ได้ให้การแก่ศาลว่า เธอใช้แป้งเด็กจอห์นสันทาจุดซ่อนเร้นเป็นประจำมาตั้งแต่อายุ 11 ขวบ กระทั่งมาหยุดใช้เมื่อปี 2016 หลังจากเห็นข่าวว่ามีผู้หญิงใช้แป้งฝุ่นทาจุดซ่อนเร้นแล้วเป็นมะเร็งรังไข่ แต่เมื่อรู้ก็สายไปแล้ว เพราะแพทย์วินิจฉัยว่าเธอเป็นมะเร็งรังไข่ระยะสุดท้ายตั้งแต่เมื่อปี 2007 แล้ว นั่นเป็นเหตุผลที่ทำให้เธอต้องว่าจ้างทนายเพื่อดำเนินการฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายจากบริษัทแป้งเด็กจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน ในเดือนกรกฎาคมปีที่แล้ว และเพิ่งได้รับชัยชนะกลับมา
ทางบริษัทผู้ผลิตแป้งเด็กจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน จะยื่นอุทธรณ์คดีว่ามีข้อมูลทางวิทยาศาสตร์สนับสนุนความปลอดภัยในการใช้แป้งเด็กจอห์นสัน และยังไม่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ยืนยันชัดเจนว่าการใช้แป้งเด็กบริเวณอวัยวะสืบพันธุ์จะเชื่อมโยงไปถึงมะเร็งรังไข่ได้ แต่อย่างไรก็ตามศาลได้พิพากษาว่า ผลิตภัณฑ์แป้งเด็กจอห์นสันไม่มีคำเตือนที่ชัดเจนแก่ผู้บริโภคถึงความเสี่ยงของผลิตภัณฑ์ที่อาจก่อให้เกิดโรคมะเร็งได้ จึงมีคำตัดสินให้บริษัทแป้งยี่ห้อดังจ่ายชดเชยค่าเสียหายเป็นจำนวน 70 ล้านดอลลาร์ และจ่ายอีก 347 ล้านดอลลาร์ สำหรับค่าเสียหายเพื่อเป็นการลงโทษ (punitive damages)
และนี่ไม่ใช่การชดใช้ค่าเสียหายครั้งแรกของจอห์นสัน แอนด์ จอนห์สัน เพราะเมื่อปี 2559 คณะลูกขุนประจำรัฐมิสซูรี สหรัฐอเมริกา ก็ได้พิพากษาให้บริษัทผู้ผลิตแป้งเด็กยี่ห้อดังรายนี้ จ่ายค่าเสียหาย 72 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 2,500 ล้านบาท ให้กับครอบครัวของนางแจ็คเกอรีน ฟอกซ์ที่เสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งรังไข่ หลังเธอใช้แป้งฝุ่นทาบริเวณอวัยวะเพศมานานหลายปี