พระกรุหลวงพ่อผาด วัดดงตาล(วัดสามัคคีธรรม)
พระ กรุหลวงพ่อผาดวัดดงตาลหรือวัดสามัคคีธรรม ตำบลหัวสำโรง อำเภอท่าวุ้ง จังหวัดลพบุรีเป็นพระที่พบบรรจุอยู่ใต้ฐานพระประธานในพระอุโบสถของวัดมีการ ขุดเจาะพระออกมาเมื่อปี 2543เมื่อครั้งทำการบูรณะปฏิสังขรณ์พระอุโบสถ พระที่พบออกมามีจำนวนประมาณ สี่หมื่นองค์เป็นพระเนื้อดินเผาทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้า มีขนาดกว้างประมาณ1.5 เซนติเมตร สูงประมาณ 2.5 เซนติเมตรความหนาบางของพระไม่แน่นอนด้านหน้าเป็นรูปพระปางสมาธิมีเส้นซุ้ม ล้อมรอบ(คล้ายกับพระพิมพ์ประภามณฑลของหลวงปู่ศุขวัดปากคลองมะขามเฒ่ายุค ต้นๆ)ประทับอยู่บนฐานเขียงชั้นเดียวเบื้องล่างเป็นรูปสัตว์มีอยู่สองชนิดคือ ทรงเสือและทรงสิงห์ด้านบนขององค์พระมีรูเจาะและอุดผงพุทธคุณปิดด้วยซีเมนต์ อีกชั้นหนึ่งคล้ายกับพระพิมพ์ของหลวงพ่อปานบางองค์จะมีการทาชาดแดงทับก่อน ปิดด้วยซีเมนต์อีกชั้นหนึ่งก็มีด้านหลังและขอบด้านข้างส่วนใหญ่จะมีรอยปาด รอยตัดเข้ารูปหรือบางองค์ด้านหลังก็มีรอยนิ้วมือของผู้กดพิมพ์ปรากฏอยู่ส่วน ผงที่อุดรูผงนั้นเป็นผงที่ได้จากการเขียนยันต์และบริกรรมคาถากำกับแต่ละบท ที่มีพุทานุภาพอันทรงประโยชน์เช่นยันต์เกราะเพชร แล้วลบออกแล้วเขียนซ้ำใหม่แบบนี้หลายๆครั้งจนได้ผงวิเศษออกมาโดยหลวงพ่อปาน แห่งวัดบางนมโค
นอกจากพิมพ์ทรงเสือและสิงห์แล้วยังพบ พระพิมพ์สมเด็จคะแนนด้านหน้าเป็นรูปพระประธาน ด้านหลังเรียบ ด้านบนเจาะรูอุดผงซึ่งเป็นพระคะแนนนับจำนวนและพระพิมพ์รูปนางกวักสร้างจาก เนื้อผงพุทธคุณล้วนๆแต่มีจำนวนไม่มากนักพระครูกิตติพิพัฒน์ เจ้าอาวาสวัดสามัคคีธรรม (ดงตาล) ต.หัวสำโรง อ.ท่าวุ้งจ.ลพบุรี เปิดเผยว่า ขณะที่ทางวัดดงตาลได้บูรณะซ่อมอุโบสถเก่าแบบก่ออิฐถือปูน เครื่องบนหลังคา เป็นไม้สักซึ่งสร้างมาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ ๗ ได้ทรุดโทรม ไปตาม กาลเวลาจึงได้ซ่อมใหม่โดยการสกัดเจาะฐานหลังชุกชีปูนปั้นเป็นช่อง เพื่อยกองค์พระประธานประจำอุโบสถ ซึ่งเป็นพระพุทธรูปโลหะลงรักปิดทอง ปางสมาธิ หน้าตัก ๒ศอกให้สูงขึ้นกว่าพระพุทธรูปองค์รองที่ประดิษฐานอยู่ที่หน้าพระประธานบนฐาน เดี่ยวเพื่อให้พระประธานเด่นเป็นสง่ากลางอุโบสถ ระหว่างที่บูรณะอยู่นี้ได้พบพระพิมพ์สี่เหลี่ยม เนื้อดินประทับสิงห์ และเสือ ตกลง มาจากโพรงใต้ฐานบัวพระประธาน จำนวนหนึ่ง คณะกรรมการวัด จึงยุติการเจาะฐานแล้วตรวจสอบนับจำนวนพระที่พบ จึงทราบจากคำบอกเล่าของ นายตี๋ ชิงช่วง อายุ๗๕ ปี อดีตผู้ใหญ่บ้าน และผู้อาวุโสประจำหมู่บ้านอีกหลายท่านว่า วัดดงตาลเดิมเป็นวัดร้าง มาบูรณะขึ้นใหม่ประมาณสมัยต้นกรุงรัตนโกสินทร์ ต่อมาหมอผาดเกษตรง เจ้าของร้านขายยาพระอาทิตย์เวชโอสถ บางลำพู กรุงเทพฯได้มาเป็นผู้นำในการสร้าง อุโบสถและหล่อ พระประธานขึ้นในสมัยรัชกาลที่ ๗ล้วหมอผาดซึ่งมีความรู้ทางวิชาอาคม ในการหุงน้ำมันมนต์ และปรุงยาโบราณมีความคุ้นเคยกับหลวงพ่อปาน วัดบางนมโค อ.เสนา จ.พระนครศรีอยุธยาเป็นอย่างดียิ่ง บางข้อมูลก็ว่าหมอผาดได้ฝากตัวเป็นศิษย์ของหลวงพ่อปานจึงได้ขอให้หลวงพ่อปาน ช่วยสร้างพระเครื่องสำหรับบรรจุกรุในอุโบสถตามธรรมเนียม แห่งการสร้าง
อุโบสถ มาแต่โบราณ ซึ่งหลวงพ่อปานมีเมตตาสร้างเป็นพระพิมพ์ประทับสิงห์และเสือซึ่งมีความแตก ต่างจากบรรดาสัตว์ ๖ ประเภท(ทรงไก่ ครุฑหนุมาน ปลาเม่นและนก)ที่หลวงพ่อปานท่านสร้างที่วัดบางนมโคก็เนื่องจากหมอผาดท่าน เกิดปีขาล สัญญลักษณ์คือเสือ ซึ่งเป็นสัตว์ที่แสดงถึงพลังอำนาจเป็นที่น่าเกรงขามส่วนทรงสิงห์คงเป็นด้วย อุปเท่ห์ด้านความมีอำนาจวาสนาความเป็นผู้นำผู้ยิ่งใหญ่ เป็นเจ้าป่าเจ้าแห่งสัตว์ทั้งปวงลักษณะของพระเป็นเนื้อดินเผาขนาดเล็ก ตัดขอบ เจาะบรรจุผงวิเศษและปลุกเสกมอบให้หมอผาด นำใส่กล่องไม้ลงเรือล่องมาตามแม่น้ำน้อยและแม่น้ำเจ้าพระยา มาขึ้นที่คลองหลังวัดดงตาลต่อมาหมอผาด ได้บวชเป็นพระภิกษุ เป็นที่เคารพนับถือของชาวบ้านมากเพราะหมอผาดเป็นพระหมอที่เก่ง ในการรักษาโรคกระดูก โรคเส้น ฯลฯด้วยน้ำมนต์และมีดโต้ศักดิ์สิทธิ์สำหรับรักษาโรคประจำตัว พระผาดจึงได้ฉายาว่า หลวงพ่อผาด มีดโต้ เมื่อท่านสร้างอุโบสถวัดดงตาลแล้วเสร็จจึงได้นำพระพิมพ์ประทับหลังสิงห์และ เสือ บรรจุไว้บนฐานชุกชีแล้วอัญเชิญพระประธาน ซึ่งหล่อด้วยโลหะขึ้นประดิษฐานครอบไว้จึงก่ออิฐถือปูนเป็นบัวคว่ำบัวหงาย เปิดไว้ เมื่อวันที่ ๑๔ มีนาคม ๒๔๗๔
ภายหลัง หลวงพ่อผาด วีรุตตโม ได้กลับไปจำพรรษาที่วัดในกรุงเทพฯ และมรณภาพเมื่อปี ๒๕๐๐ ชาวดงตาล และทายาทห้างขายยาพระอาทิตย์เวชโอสถและพระจันทร์เวชโอสถ จึงได้หล่อรูปเหมือนเท่าองค์จริง พร้อมมีดโต้ประจำตัวไว้สักการบูชาประจำวัดดงตาล เมื่อวันที่ ๗ พฤศจิกายน ๒๕๐๐จนเป็นที่เคารพนับถือของชาวบ้านมาถึงปัจจุบันประวัติโดยละเอียดของหลวง พ่อผาดนั้นไม่ได้มีการบันทึกไว้ชัดเจนนักเนื่องจากท่านเป็นพระที่สมถะ และวัดดงตาลก็เป็นเพียงวัดเล็กๆในจังหวัดลพบุรีทราบแต่เพียงว่าท่านเป็นพระ มีเมตตาสูงเป็นพระหมอที่มีความรู้ความสามารถมากมีวิชาอาคมแก่กล้า ท่านเป็นพระเกจิที่มีวิชาความรู้ด้านแพทย์แผนโบราณเป็นอย่างยิ่งเรียกได้ว่า ท่านสามารถรักษาคนง่อยเปลี้ยเสียขาให้กลับมาเดินเหินได้เป็นปกติเลยทีเดียว ท่านได้ฝากตัวเป็นศิษย์ ของหลวงพ่อปาน วัดบางนมโค และหลวงปู่ศุขวัดปากคลองมะขามเฒ่า โดยเมื่อท่านสำเร็จวิชาที่วัดบางนมโคแล้วต่อมาจึงมาร่ำเรียนที่วัดปากคลอง มะขามเฒ่าเมื่อสำเร็จวิชาจึงกลับมายังวัดดงตาลวัดบ้านเกิดเพื่อพัฒนาให้มี ความเจริญสมฐานะแก่ศาสนสถาน
เจ้าอาวาสวัดสามัคคีธรรม บอกด้วยว่า นับเป็นเวลาเกือบ ๗๐ปี ที่พระเครื่องชุดนี้ได้บรรจุอยู่ในองค์พระประธาน ในอุโบสถวัดดงตาลซึ่งพระสงฆ์ได้ทำวัตรสวดมนต์ และทำสังฆกรรมในอุโบสถมาเป็นเวลาอันยาวนานพระกรุหลวงพ่อผาดชุดนี้เริ่มเป็น ที่รู้จักกันมากขึ้นก็เมื่อครั้งที่ทางวัดมีการบูรณะอุโบสถวัดดงตาลในปี๒๕๔๓ ซึ่งใช้งบประมาณ ๓,๐๐๐,๐๐๐ล้านบาททางวัดดงตาลจึงนำพระเครื่องที่ขุดเจาะได้มอบให้แก่เจ้าภาพ ผู้ร่วมทอดผ้าป่าสมทบทุนบูรณะอุโบสถและเปิดให้ประชาชนทั่วไปได้บูชาในราคา เริ่มต้นองค์ละ ๕oo บาทและจะนำพระพิมพ์ส่วนที่เหลือจากการมอบให้เจ้าภาพผ้าป่าและเปิดให้เช่า บูชาแล้วบรรจุกรุใต้ฐานพระประธานเป็นพุทธบูชาอีกครั้งหนึ่งหลังจากทำการ บูรณะปฏิสังขรณ์เป็นที่เรียบร้อยซึ่งในครั้งนั้นเมื่อเรื่องราวการเปิดให้ ร่วมกันทำบุญและเช่าบูชาพระหลวงพ่อผาดแพร่กระจายออกไปได้มีผู้สนใจจัดตั้ง กองผ้าป่าและร่วมเช่าพระที่วัดเป็นจำนวนมากทำให้ได้เงินปัจจัยเพื่อบูรณะ โบสถ์ครั้งนั้นสูงถึง ๔,๕oo,ooo บาทจนทำให้สามารถบูรณะพระอุโบสถสำเร็จเสร็จสิ้นลงได้อย่างรวดเร็วและยัง เหลือเงินอีกจำนวนหนึ่งไปสร้างเป็นมณฑปได้อีกหนึ่งหลังทั้งนี้ด้วยความ ศรัทธาที่มีต่อหลวงพ่อผาดและความต้องการพระเครื่องที่สร้างโดยหลวงพ่อปานโดย แท้พระเครื่องชุดหลวงพ่อผาดได้ดำเนินการจัดสร้าง และปลุกเสกขึ้นที่วัดบางนมโคอยุธยาโดยหลวงพ่อปานซึ่งคาดว่าน่าจะมีจำนวน สร้างประมาณ ๘๔,ooo องค์โดยถือเอาตามตามจำนวนพระธรรมขันธ์ลักษณะของเนื้อดินเป็นดินขุยปูมีเม็ด แร่กระจายอยู่ทั้งองค์เหมือนกับพระเครื่องของหลวงพ่อปานพิมพ์อื่นๆไม่มีผิด เพี้ยนเพียงแต่น่าจะมีความแตกต่างในกรรมวิธีการเผาเท่านั้นโดยจะสังเกตได้ ว่าพระของหลวงพ่อปานส่วนใหญ่จะมีวรรณะเป็นสีดินหม้อใหม่หรือสีแดงดินเผา เนื่องมาจากการเผาพระนั้นใชปี๊ปสังกะสีทำการบรรจุพระพิมพ์แล้วสุมไฟเผาด้วย ลักษณะของโลหะสังกะสีที่นำความร้อนได้ดีความร้อนจึงแพร่กะจายไปทั่วปี๊ปทำ ให้พระที่เผาสุกในเวลาใกล้เคียงกันสีจึงออกมาใกล้เคียงกันเป็นส่วนใหญ่ส่วน พระชุดหลวงพ่อผาดจะมีความแตกต่างกันคือมีวรรณะของสีพระหลากหลายมีทั้งสีขาว นวล สีพิกุล สีแดงอิฐ สีเขียว สีเทาและดำซึ่งสันนิษฐานว่าเมื่อกดพระพิมพ์เสร็จแล้วคงจะนำไปบรรจุลงในไห หรือโอ่งดินเผาแล้วนำไปสุมไฟเช่นเดียวกับการเผาพระสกุลลำพูนแบบโบราณกาลด้วย ลักษณะของภาชนะดินเผาซึ่งนำความร้อนได้ช้าและส่วนล่างที่ถูกไฟสุมพระจะสุก ก่อนพระจะมีวรรณะออกดำ ส่วนด้านบนพระจะสุกทีหลังจึงมีวรรณะออกขาวนวลถ้าจะพูดกันถึงพุทธคุณในพระ เครื่องหลวงพ่อผาด วัดดงตาลเป็นที่กล่าวขานกันมานานแล้วว่าไม่แตกต่างจากพระเครื่องของหลวงพ่อ ปานวัดบางนมโคแต่อย่างใดคือเด่นมากในด้านเมตตามหานิยมและค้าขายเป็นเลิศอีก ทั้งยังใช้พระเครื่องของท่านทำน้ำมนต์รักษาโรคได้สารพัดทีเดียวเพราะท่านเอง ก็เป็นพระหมอที่มีวิชาติดตัวเป็นที่โด่งดังมากทีเดียวบางท่านที่เคยบูชามา แล้วกล่าวกันว่ายังเด่นในด้านมหาอำนาจอีกด้วยซึ่งอาจเป็นด้วยอุปเท่ห์แห่ง พิมพ์พระทรงสัตว์ที่เป็นเสือและสิงห์ก็เป็นได้คุณลุงอำพร มีสัตย์ อายุ ๕๙ ปีหนึ่งในกรรมการวัดซึ่งร่วมในการเปิดกรุพระในปี๒๕๔๓เล่าว่าคนในพื้นที่ซึ่ง ได้รับพระซึ่งหลวงพ่อผาดท่านแจกจ่ายให้กับญาติโยมที่มาช่วยงานในพิธีชัก โบสถ์(วางเสาลงตอหม้อของโบสถ์)ของวัดดงตาลเมื่อปี๒๔๗o และได้นำมาบูชาติดตัวกันล้วนแต่พูดเป็นเสียงเดียวกันและเชื่อมั่นในพุทธคุณ ด้านเมตตามหานิยม ค้าขายและโชคลาภและเป็นที่เคารพศรัทธาเป็นอย่างยิ่งของคนในพื้นที่มาช้านาน
surepra.comชัวร์พระ.คอม