10 ประการในการออกแบบบ้านรับมือภัยจากธรรมชาติ By หลังคาASA/PVC หลังคาAPVC หลังคาUPVC สมาร์ทรูฟ ตราเบสเซอร์ BESSER |
฿315 |
ชื่อผู้ประกาศ : หลังคาเอพีวีซี เบอร์โทรศัพท์ : 0814921600 โทรศัพท์มือถือ : 0814921600 ที่อยู่ : 126/193-194 หมู่8 ซ.วัชรพล ข.ท่าแร้ง ข.บางเขน กทม. 10220 |
10 ประการในการออกแบบบ้านรับมือภัยจากธรรมชาติ By หลังคาASA/PVC หลังคาAPVC หลังคาUPVC สมาร์ทรูฟ ตราเบสเซอร์ BESSER
เพื่อหลีกเลี่ยงภัยดังกล่าว ก็ควรออกแบบบ้านให้เหมาะสมกับสภาพแวดล้อมนั้น ๆ ?บ้านและสวน? มีคำแนะนำดี ๆ เกี่ยวกับเรื่องนี้มาฝากกัน ดังนี้
1)พื้นดิน ที่ตั้งนั้นสำคัญไฉน เมื่อเกิดแผ่นดินไหวหรือน้ำป่าไหลหลาก สภาพของชั้นดินที่แข็งแรงจะช่วยยึดบ้านของเราให้ปลอดภัย ควรหลีกเลี่ยงการปลูกบ้านบนพื้นที่ที่เป็นหินกรวด ทราย หรือดินเหลว ควรเลือกพื้นที่ที่เป็นชั้นหินแข็งแรง หรือชั้นดินที่มีความหนาแน่น ลองสำรวจด้วยตาเปล่าก่อนในขั้นแรก และเพื่อให้แน่ใจก็ควรให้วิศวกรเจาะสำรวจอีกครั้งหลีกเนินหินและต้นไม้ใหญ่ ควรหลีกเลี่ยงการปลูกบ้านบนหรือภายใต้เนินหินที่มีโอกาสถล่มลงมาได้ รวมถึงต้นไม้ใหญ่ที่สามารถล้มลงมาทับบ้านเมื่อเกิดลมพายุ และอย่าลืมเว้นระยะให้ห่างจากรัศมีการล้มของต้นไม้ด้วย
2)ส่วนยอดและส่วนต่ำสุดนั้นอันตราย ตามหลักการทางวิทยาศาสตร์ ลมพายุจะมีกำลังแรงที่สุดเมื่อพัดผ่านบริเวณยอดเขา ยอดเนิน หรือที่ราบที่เป็นหุบเขาต่ำลงไป ฉะนั้น จึงไม่ควรปลูกบ้านในบริเวณนี้
3)หลังคาเบา บ้านไม่ถล่ม บ้านที่มีหลังคาหรือส่วนบนของบ้านหนักเกินไป ไม่ว่าจะด้วยวัสดุที่ใช้ทำ หรือการมีสิ่งของบรรทุกอยู่มาก เมื่อเกิดแผ่นดินไหวหลังคามีโครงจะถล่มลงมาได้ง่ายกว่าอาคารที่มีหลังคาน้ำหนักเบา รวมไปถึงการใช้วัสดุที่มีความยืดหยุ่น เช่น ไม้ หรือเหล็ก ก็จะช่วยเพิ่มความแข็งแรงมากขึ้นด้วย
4)หลายวัสดุ หลายรอยต่อ ผนังของบ้านหรืออาคารไม่ควรประกอบด้วยวัสดุที่หลากหลายมากเกินไป เพราะจะทำให้มีรอยต่อมาก มายกลายเป็นจุดที่อ่อนแอที่สุดของบ้าน มีโอกาสเสี่ยงที่จะเสียหายได้ก่อนส่วนอื่น ๆ ควรเลือกใช้วัสดุทำผนังเพียงชนิดเดียวและต้องมีความยืดหยุ่นสูงด้วย 5)เพิ่มความยาวเข็ม หากทราบว่าหน้าดินของพื้นที่ที่จะสร้างบ้านมี การสไลด์ ควรออกแบบเสาเข็มให้มีความยาวมากกว่าปกติ เพื่อป้องกันการเสียหายของหน้าดินที่จะส่งผลต่อความแข็งแรงของโครงสร้าง
6)สำรวจระดับน้ำที่เคยท่วมถึงเมื่อทราบถึงระดับน้ำที่เคยท่วมถึงแล้ว ก็ควรออกแบบหรือสร้างบ้านให้ยกสูงขึ้นจากระดับน้ำนั้นพอสมควร โดยตัวบ้านต้องตั้งอยู่บนเสาเข็ม หรือกำแพงกันดินที่มีความแข็งแรง อาจเสริมโครงสร้างทแยงเพื่อรัดโครงสร้างของบ้านให้แข็งแรงขึ้น
7)แยกอาคาร ลดอัตราเสี่ยง รูปทรงอาคารที่ปลอดภัยที่สุดเมื่อเกิดลมพายุคือรูปทรงสี่เหลี่ยมขนาดเล็ก อาคารที่มีขนาดใหญ่หรือทอดตัวยาวเป็นรูปตัวแอล (L) โดยไม่ได้แยกอาคารออกจากกัน ก็มีความเสี่ยงที่จะเกิดความเสียหายมากกว่า
8)ทรงหลังคาที่ลู่ลม หลังคาที่มีความลาดเอียงทั้งสี่ด้าน หรือที่เรียกว่า ?ปั้นหยา? เป็นทรงหลังคาที่ปลอดภัยจากลมพายุมากกว่าทรงจั่ว ทรงหมาแหงน และหลังคาแบนราบระวังช่องเปิดเหนือผนัง ไม่ควรทำช่องเปิดที่ลมสามารถพัดผ่านได้ที่บริเวณระหว่างเหนือผนังกับใต้หลังคา เพราะลมจะสามารถพัดผ่านและพัดเอาหลังคาหลุดลอยไปได้ หากต้องการช่องเปิด ควรพิจารณาตำแหน่งที่ต่ำลงมาประมาณ 1 เมตร
9)หลีกเลี่ยงกระจก ควรหลีกเลี่ยงการใช้กระจกมาทำเป็นประตูและหน้าต่าง ลองเลือกใช้ไม้ อะลูมิเนียม เหล็ก หรือพลาสติกแทน แต่หากต้องการจะใช้จริง ๆ ก็ควรเป็นกระจกนิรภัย เพราะเมื่อแตกแล้วจะแตกละเอียดเป็นเม็ดเล็ก ๆ หรือเลือกกระจกลามิเนตที่มีฟิล์มสอดอยู่ตรงกลาง เวลาแตกก็จะไม่หล่นลงมา เพราะมีฟิล์มป้องกันอยู่เปิดออกแข็งแรงกว่า ประตูบานเปิดออกสู่ภายนอกจะมีความแข็งแรงทนทาน ต่อแรงลมมากกว่าบานประตูที่เปิดเข้าภายในบ้าน
10)แยกกันสาดจากหลังคา ไม่ควรให้มีส่วนใดส่วนหนึ่งของกันสาดเชื่อมต่อกับหลังคา เพราะหากเกิดความเสียหายกับกันสาดก็จะไม่ส่งผลไปถึงหลังคา นอกจากนี้ไม่ควรออกแบบชายคาที่ยื่นยาวเกินไป เพราะจะเพิ่มพื้นที่ในการปะทะของลมให้มากขึ้น และก็จะเกิดความเสียหายมากขึ้น. แหล่งที่มา : หนังสือพิมพ์เดลินิวส์ วันที่ 24 ตุลาคม 2554
สนใจสั่งซื้อ หลังคาASA/PVC หลังคาAPVC หลังคาUPVC สมาร์ทรูฟ ตราเบสเซอร์ BESSER ได้ที่
บริษัท ดีพี เทรดดิ้ง แอนด์ คอนซัลติ้ง จำกัด
Tel: 081-492-1600
Line ID: @apvcroof
E-Mail: apvcroof@gmail.com
www.facebook.com/apvcroofno.1
www.หลังคายูพีวีซี.com
www.หลังคาโรงรถและกันสาด.com
www.หลังคาเอพีวีซี.com
www.apvcroof.com
กันสาดเมทัลชีทหลังคาโรงรถสมาร์ทรูฟหลังคาเอพีวีซีหลังคายูพีวีซี